บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2566 พบว่า มีผลขาดทุนสุทธิ 2,725.26 ล้านบาท ลดลง 195.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิ 2,842.05 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ประกอบกับราคาสุกรในภูมิภาคที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม CPF มีรายได้จากการขาย 143,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นส่วนของกิจการต่างประเทศ 61% และกิจการประเทศไทย 39% โดยรายได้จากการขายของกิจการประเทศไทยเพิ่มขึ้น 9% และรายได้จากการขายของกิจการต่างประเทศใกล้เคียงเดิม
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวถึง ผลการดำเนินงานว่า ไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะกิจการในต่างประเทศ จากการที่ต้นทุนการผลิตเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ในหลายประเทศ เช่น ราคากากถั่วเหลืองและข้าวโพดที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% จากปีก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายพลังงานและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น
ประกอบกับราคาเนื้อสัตว์ในหลายประเทศลดลงจากสภาวะอุปทานอุปสงค์ที่ไม่สมดุล เป็นผลจากกำลังซื้อในหลายประเทศยังไม่เป็นไปตามที่คาด ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงจากปีที่ผ่านมา
รวมทั้งส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าของบริษัทมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น จากบริษัทร่วมในประเทศจีนที่ดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์และฟาร์มสุกรที่มีต้นทุนการผลิตสุกรสูงขึ้น และการที่ระดับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายจากเงินกู้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ความสำคัญในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า ความต้องการบริโภคที่น่าจะดีขึ้นตามลำดับตามภาวะเศรษฐกิจ จะสร้างความสมดุลของภาวะอุปสงค์อุปทานในการบริโภคเนื้อสัตว์ ที่คาดว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปีนี้