นายสุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ “JAS” เผยว่าเหตุที่ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ลดลง ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของทุนชำระแล้วในไตรมาส 1 ปี 2566 เนื่องจากรายได้หลักจากธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตลดลง จากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ค่าใช้จ่ายปรับเพิ่มสูงขึ้นจากการขึ้นอัตราค่าเช่าเส้นใยแก้วนำแสง (OFC) ของ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ “JASIF” อีกทั้งธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ “3BB” ให้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ “AWN” เสร็จไม่ทันภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2566
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ ธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนใน 3BB ให้แก่ AWN ที่มีมูลค่า 32,420 ล้านบาท ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คาดว่าน่าจะได้รับการอนุมัติภายในเร็วๆ นี้
ซึ่งหลังจากนั้นบริษัทฯ สามารถบันทึกกำไรจากธุรกรรมดังกล่าว และมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้มีสถานภาพทางการเงินที่เข้มแข็ง และลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ตาม Roadmap ที่วางไว้ได้ อาทิ ธุรกิจพลังงานสะอาด (JASGREEN) ธุรกิจให้บริการการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัล (JAS Care) ตลอดจนธุรกิจต่างๆ ของ กลุ่มบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “กลุ่ม JTS” ซึ่งได้แก่ ธุรกิจสินทรัพย์ ดิจิทัล และเทคโนโลยี โซลูชั่น ที่เน้นการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ เหมืองขุดบิตคอยน์ โดยมีการลงทุนใน Solar Farm ขนาด 3.8 MWatt เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าในการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ และสร้างรายได้เพิ่มจากการขายคาร์บอนเครดิต
นอกจากนี้ JTS ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ อาทิ ธุรกิจ FinTech เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ ผ่านเครือข่าย Lightning Network ของบิตคอยน์ ที่จะช่วยให้การโอนเงิน ระหว่างประเทศมีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยและมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง จึงขอให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั่วไป มั่นใจได้ว่า บริษัทฯ จะสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงต่อไป