ผลการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างไม่เป็นทางการ ที่รายงานโดย กกต. ( เวลา 07.30 น. นับคะแนนแล้ว 99%) พบว่าพรรคการเมืองที่ได้จำนวน ส.ส. สูงที่สุดได้แก่ พรรคก้าวไกล มีจำนวน ส.ส. รวม 151 คน ตามมาด้วย พรรคเพื่อไทย มีจำนวน ส.ส. 141 คน อันดับ 3 ได้แก่ ภูมิใจไทย 70 คน ทั้งนี้มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ราว 75% ราว 39.2 ล้านคน
จากผลการเลือกตั้ง 66 ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ได้ออกบทความล่าสุด ( 15 พ.ค.66 ) ระบุว่า
ฝ่ายวิจัย ASPS ระบุต่อว่า กระบวนการหลังจากนี้ เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องตรวจสอบ ข้อร้องเรียนต่างๆ ที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็จะทำการวินิจฉัย ให้ใบเหลือง –ใบแดง ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. อยู่บ้าง แต่ก็น่าจะเป็นส่วนน้อย เมื่อตรวจสอบและวินิจฉัยแล้ว ก็ต้องประกาศรับรอง ส.ส. อย่างเป็นทางการ ภายใน 60 วัน นับจากวันเลือกตั้ง โดยต้องรับรอง ส.ส. ไม่น้อยกว่า 95% หรือ 475 คน เพื่อให้สามารถเปิดประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้
จากกรอบเวลาดังกล่าว บนสมมุติฐานว่า กกต. ใช้ระยะเวลาเต็ม 60 วัน ก็น่าจะสามารถเปิดสมัยประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้ภายใน ครึ่งแรกของเดือน ก.ค. 2566 หลังจากนั้น ก็จะเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร์ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งไปด้วย เมื่อได้ตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร์แล้ว กระบวนการต่อไป ก็จะเป็นวาระสำคัญ คือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
โดยจะโหวตจากบัญชีรายชื่อ ที่แต่ละพรรคการเมือง ยี่นต่อกกต. ว่าจะเสนอให้ บุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี โดยผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน รวม 750 คน หมายความว่าต้องได้คะแนนเสียงสนับสนุน 376 คน ขึ้นไป เมื่อเลือก นายกรัฐมนตรีได้แล้ว ก็จะเป็นการจัดตั้ง ค.ร.ม. นำขึ้นทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฎิญาณ ก่อนเริ่มทำหน้าที่ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือน ส.ค.2566
และหากเจาะลึกรายละเอียดนโยบายไฮไลท์ของพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ เริ่มจาก
ทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังเลือกตั้ง 2566
จากพัฒนาการของสถานการณ์การเมืองดังกล่าว เชื่อว่าตลาดหุ้นน่าจะตอบสนองเชิงบวก หากจะเทียบเคียงอารมณ์ อาจคล้ายช่วงเวลาที่ พรรคไทยรักไทย ชนะเลือกตั้งแบบ Landslide ในปี 2544 ซึ่งตอนนั้น SET Index ขึ้น 8.5% ในสัปดาห์แรกหลังเลือกตั้ง และ 19% ใน 1 เดือนหลังเลือกตั้ง หรือน้อยที่สุดน่าจะทำให้ SET Index ปรับขึ้นไปได้ตาม
ข้อมูลเชิงสถิติในอดีต 5 ครั้งหลังสุด กล่าวคือ 3.8% ในสัปดาห์แรกหลังเลือกตั้ง และ 3.1% ในช่วง 1 เดือนแรกหลังเลือกตั้ง โดยมี Fund Flow ไหลเข้าเฉลี่ย 9 พันล้านบาท
ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายหาเสียง แนะนำ 6 กลุ่มหลักๆ ดังนี้
ดังนั้น ผลการเลือกตั้งแลนสไลด์เป็น ส้ม-แดง หลังจากนี้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของ กกต. 60 วัน และเปิดสมัยประชุมรัฐสภาภายในครึ่งแรกของเดือน ก.ค. 2566 ต่อมา คือ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วจัดตั้ง ค.ร.ม. นำขึ้นทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฎิญาณก่อนเริ่มทำหน้าที่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือน ส.ค.2566 ซึ่งคาดเห็น รัฐบาลที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจากการสลับขั้วอำนาจ ด้วยประเด็นดังกล่าว หนุนให้ SET Index มีโอกาสปรับขึ้นแรงเฉกเช่นสถิติในอดีต