MOU พรรคร่วมไม่หนุนหุ้นไทยวันนี้ 23 พ.ค. เปิดตลาด ลบ 3.63 จุด

23 พ.ค. 2566 | 03:26 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ค. 2566 | 03:33 น.

หลังจากที่พรรคก้าวไกล และพรรคร่วมได้ลงนาม MOU เมื่อวานนี้ (22 พ.ค. ) ยังไม่ส่งแรงหนุนต่อตลาดหุ้น โดยเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวลดลง 3.63 จุดมูลค่าการซื้อขาย 1,751.16 ล้านบาท โบรกฯ มองแกว่งตัวไซด์เวย์

ทิศทาง "ตลาดหุ้นไทย" ในวันนี้ (23 พ.ค. 66) หลังผ่าน MOU ของ พรรคก้าวไกล และพรรคร่วมรัฐบาลออกมา ปัจจัยนี้ยังไม่สนองตลาดเช้านี้มากนักโดยตลาดเปิดวันนี้อยู่ที่ระดับ 1,525.61 จุด ปรับตัวลดลง 3.63 จุด (-0.24%) มูลค่าซื้อขาย 1,751.16 ล้านบาท

ด้านนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า มีมุมมองตลาดหุ้น คาดดัชนี SET Index แกว่งตัวบวกลบ 10 จุด ที่กรอบ 1,520 - 1,540 จุด 

โดยดัชนีวันนี้อาจปรับลดบ้าง เนื่องจากปิดตลาดเมื่อวานปรับขึ้นแรง แต่โดยรวมบรรยากาศการซื้อขายน่าจะออกมาดี  เพราะตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ปรับลงมากเกินไป 

ประกอบกับ MOU รัฐบาลที่ประกาศออกมา ไม่มีประเด็น ม.112 ที่อ่อนไหว ทำให้เห็นความร่วมมือของพรรคทั้งที่ไม่มาจากพรรครัฐบาล และ สว. น่าจะทิศทางเป็นบวกต่อตลาดทุน

MOU พรรคร่วมไม่หนุนหุ้นไทยวันนี้ 23 พ.ค. เปิดตลาด ลบ 3.63 จุด

4 ปัจจัยที่มองเป็นบวกต่อตลาดทุน 

  1. ภาพของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลงมากเกินไป  อีกทั้งดัชนีที่ปิดแถว ๆ 1500 จุด ถือว่าอยู่ในกรอบล่างหุ้นไทยจึงไม่ได้แพง
  2. กลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคแข็งแรงมาก ๆ และไม่ได้รับผลกระทบจากทิศทางหรือนโยบายการเมืองเลย อาทิค้าปลีกท่องเที่ยว โรงแรม
  3. ตลาดกังวลกับนโยบายพรรครัฐบาลใหม่ ที่สุดโต่ง แต่ในทางปฏิบัติ คะแนนพรรคก้าวไกล ที่ 152 เสียงกับพรรคเพื่อไทยที่ 142 เสียงถือว่าใกล้กันมาก ดังนั้นในทางปฏิบัติ พรรคอันดับ 1 จะดำเนินนโยบายที่สุดโต้งยาก  ดังนั้นทางปฏิบัติที่ออกมา จึงไม่ได้แย่ไปอย่างที่ตลาดกังวล
  4. สูตรการจัดตั้งรัฐบาลรูปแบบอื่น ที่อาจเห็น "เพื่อไทย" กับพรรคอื่นๆ ซึ่งโอกาสขณะนี้ที่จะเกิดขึ้นอาจไม่ได้มาก แต่ถ้าเกิดขึ้น ตลาดเองก็อาจจะมองเป็นบวก เนื่องจากนโยบายของพรรคเพื่อไทย อิงกับตลาดทุนมากกว่า

ทั้งนี้หากมองจาก 4 ปัจจัย ข้างต้น จึงอาจพูดได้ว่า ตลาดหุ้นที่ตกในช่วงหลังการเลือกตั้ง เพราะอาจมองโลกในแง่ร้ายเกินไป ขณะที่หุ้นเด่นที่แนะนำ ยังเป็น กลุ่มท่องเที่ยวกับค้าปลีก ประกอบกับผลประกอบการไตรมาส 1/66 ออกมาค่อนข้างดี และมีการฟื้นตัวตามต่างชาติ  อีกทั้งไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากฝั่งรัฐบาลเลย หุ้นเด่นกลุ่มนี้ได้แก่ CPALL, MAKRO, ERW และ MINT  

นอกจากนี้ยังมีหุ้นกลุ่มสื่อสารและโรงไฟฟ้า  ที่มีโอกาสฟื้นตัว หลังจากที่ราคาปรับลงมาแรง จากความกังวลในประเด็น "การผูกขาด" ซึ่งการที่นโยบายพรรครัฐบาล หากเข้ามาบริหารจะเปลี่ยนแปลง แต่คิดว่าอาจไม่ได้ง่ายนัก หุ้นกลุ่มนี้ที่น่าสนใจ แนะนำ ADVANC, TRUE และ GULF

ด้านนายชาญชัย พันทาธนากิจ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยที่ยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาส่งผลต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

รวมทั้งเมื่อวาน (22 พ.ค. 66) ที่ผ่านมาได้มีการแถลง MOU ของพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาลออกมาชัดเจน ทำให้ตลาดตอบรับกลับมาในเชิงบวก 

โดยยังต้องติดตามท่าทีของทาง ส.ว. ในการที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงการเดินหน้าไปพูดคุยกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆของว่าทีนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังคงต้องรอติดตามการเจรจาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งนักลงทุนยังคงกังวลว่าจะสามารถขยายเพดานหนี้สหรัฐได้ทัน 1 มิ.ย. 66 หรือไม่

หลังการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป รวมถึงยังมีความกังวลในการที่มีเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยต่อ พร้อมให้แนวต้าน 1,540 จุด แนวรับ 1,510 จุด