ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,212.12 จุด เพิ่มขึ้น 145.79 จุด หรือ +0.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,369.01 จุด เพิ่มขึ้น 30.08 จุด หรือ +0.69% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,573.32 จุด เพิ่มขึ้น 111.40 จุด หรือ +0.83%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 จากระดับ 4.9% ในเดือนเม.ย. และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากระดับ 5.5% ในเดือนเม.ย. และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนพ.ค. นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 2.33% และดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 1.16% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง 0.06%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.74% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.54% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 2.77% ส่วนหุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.55% ทำสถิติปิดในแดนบวกยาวนานถึง 13 วัน
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน โดยหุ้นอาลีบาบา พุ่งขึ้น 1.9% หุ้น JD.com ทะยานขึ้น 3.5%
นอกเหนือจากผลการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมิ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน