นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เปิดเผย ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 241,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,746 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากธุรกิจค้าส่งแม็คโคร 130,875 ล้านบาท และธุรกิจค้าปลีกโลตัส 110,959 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 3,682 ล้านบาท เติบโต 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 2/2566 ทำกำไรสุทธิ 1,516 ล้านบาท ลดลง 3.6%
อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Core Net Profit) ที่ไม่รวมรายการพิเศษในครึ่งปีแรกปี 2566 จะเป็นจำนวน 3,781 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 4.2 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของยอดขาย
การเติบโตในครึ่งปีแรก 2566 ได้รับปัจจัยบวกจากการเดินหน้าขยายสาขาและเพิ่มประสิทธิภาพแพลตฟอร์มการขายออนไลน์ รวมถึงผสานช่องทางการขายออนไลน์และสาขาอย่างไร้รอยต่อ สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าพร้อมบริการจัดส่ง ในขณะเดียวกันสาขาเดิมก็เติบโตจากความแข็งแกร่งของกลุ่มสินค้าอาหารสด โดยยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจค้าส่งมีอัตราเติบโต (SSSG) 8.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มุ่งมั่นเพิ่มโอกาสทางการขายทั้งภายในสาขา และขายนอกร้าน โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพิ่มโอกาสทางการขายด้วยการขยายสาขาในหลากหลายรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบไปด้วย สาขาขนาดใหญ่ 8-10 สาขา สาขาขนาดกลางและขนาดเล็ก 70-80 สาขา
นอกจากนี้ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ คือ การพัฒนารูปแบบสาขาใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ด้วยรูปแบบผสมผสาน (Hybrid) ที่ดึงจุดแข็งของธุรกิจค้าส่ง แม็คโคร แหล่งรวมอาหารสดคุณภาพ ราคาประหยัด กับโลตัส ที่โดดเด่นในด้านการบริหารจัดการพื้นที่ศูนย์การค้า มาตอบโจทย์ลูกค้าทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ที่ต้องการทั้งสินค้าดีและพื้นที่ในการใช้ชีวิตที่หลากหลาย ซึ่งเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์มาสนับสนุนกัน เพื่อดึงดูดลูกค้าทุกกลุ่ม รูปแบบ Smart Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตของคนทุกวัยในชุมชน ซึ่งได้เปิดตัวโลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และปีนี้ยังได้เปิดตัวโลตัส พรีเว่ พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต และโลตัส Smart Store ที่นำเทคโนโลยีสุดล้ำมาพัฒนานำร่องร้านค้าอัจฉริยะ Pick&Go ที่โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ อีกด้วย
สำหรับแผนการขายนอกร้าน บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบออนไลน์และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตและมุ่งสู่ผู้นำธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ระดับภูมิภาค พร้อมทั้งเน้นการทำโปรโมชั่นแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) มากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ คือ การจัดทัพเถ้าแก่ขาย (B2B Salesforce Team) ทีมขายมากประสบการณ์กว่า 1,000 คน ที่มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้ากลุ่มโชห่วยและร้านอาหารมากกว่า 34 ปี จึงสามารถให้บริการและแนะนำสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงตามความต้องการของธุรกิจ
“เชื่อมั่นว่าการวางกลยุทธ์ที่เข้มข้นของครึ่งปีหลัง เสริมกับปัจจัยบวกจากการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัว ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและผู้บริโภค ผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตตามแผน” นายธานินทร์ กล่าว