3 สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้ ก่อนลงทุนระยะยาวแบบ VI

22 ก.ย. 2566 | 00:00 น.

นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า แนะนักลงทุนควรรู้ 3 สิ่งก่อนลงทุนระยะยาวแบบ VI ชี้หุ้นไทยยังไปได้ ทั้งหมวดอาหาร ความงาม ย้ำเน้นดูจุดแข็งของธุรกิจเป็นหลักเหนือราคา

นายเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า กล่าวในงานอบรมหลักสูตร Wealth of Wisdom : WoW #3 ในหัวข้อ "หาหุ้นลงทุนอย่าง VI" ว่า การลงทุนหุ้นระยะยาว หรือ VI นั้น นักลงทุนจะต้องรู้ใน 3 อย่างในหุ้นที่จะเข้าไปลงทุนในระยะยาว สำหรับ 3 อย่างนั้น ประกอบไปด้วย

  1. หาว่าอะไรธุรกิจไหนกำลังจะโต 
  2. ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ
  3. ผู้บริหาร (เจ้าของธุรกิจ) เป็นอย่างไร

ควบคู่ไปกับการที่จะต้องทำการบ้าน ผู้บริหารของบริษัทนั้นเป็นอย่างไร เป็นคนดี คนเก่ง จริงหรือไม่ เพราะเคสที่ผ่านๆมาที่โดนโกงกันนั้นไม่ได้ดูเบื้องหลังของผู้บริหาร 

ซึ่งการหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับตัวผู้บริหาร เหมือนจะง่าย แต่ก็ไม่ง่ายโดยอาจใช้วิธีในการถามคู่ค้า คู่แข่ง ลูกค้า รวมไปถึงพนักงาน ว่า ผู้บริหารเป็นอย่างไร มีทัศนคติอย่างไร เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าลงทุน

ส่วนการที่เราจะเข้าลงทุนหุ้นตัวไหนในระยะยาวนั้น ควรจะต้องมีความรู้ และความถนัด เปรียบการเล่นหุ้นคล้ายกับการทำธุรกิจ ที่เราต้องมีความรู้ความถนัด 

ถึงจะทำให้สามารถคาดเดาทิศทาง และความเป็นไปในระยะข้างหน้าของธุรกิจได้ เหมือนอ่านเกมขาดได้ว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้น เราจะต้องรู้ก่อน

"การหาคุณค่าของหุ้น คือการคาดการณ์อนาคต ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง ส่วนใหญ่มองไม่ออก หากเราเชี่ยวชาญเราจะพอในธุรกิจนั้นๆ ก็จะคาดได้ว่าจะเติบโตเท่าไร่ แต่คงไม่สามารถบอกได้ชัดว่าราคาจะเป็นเท่านั้นเท่านี้"

3 สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้ ก่อนลงทุนระยะยาวแบบ VI

สำหรับภาพรวม ตลาดหุ้นไทย ในตอนนี้ หากเจาะรายตัวก็ยังมีหุ้นดี แม้หุ้นขนาดใหญ่จะโดนต่างชาติเทขายก็ตาม

รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ดี แต่ยังมีหุ้นในบางกลุ่ม บางอุตสาหกรรมที่ยังดีอยู่ และมีแนวโน้มที่ยังเติบโตได้ 

ธุรกิจตอนนี้ที่หน้าสนใจหากเป็นในตลาดหุ้นไทย ต้องดูว่ามีจุดแข็งอย่างไร อย่างในธุรกิจ อาหาร และความงาม ยังมีโอกาสแข่งขันได้ หากต่อยอดเพิ่มเรื่องของการส่งออกว่าจะทำอย่างไร หากทำได้ตอบความต้องการตลาดได้ การเติบโตก็เกิดขึ้นแบบจะก้าวกระโดด

"นโยบายรัฐ เศรษฐกิจภาพรวม VI ก็ดูหมด หุ้นไทยมี 800 ตัว การลงทุนที่ดีเราต้องรู้อนาคต ต้องหาที่เรารู้จริง 5-10 ตัวในพอร์ตก็พอแล้ว เพื่อที่จะชนะตลาด อย่าข้ามไปยังสิ่งที่เราไม่รู้จริงในการลงทุน ไม่งั้นก็เจ๊ง สิ่งที่ควรรู้เป็นพื้นฐาน ที่สำคัญเราต้องมองธุรกิจเป็นว่าอันไหนกำลังจะดี ธุรกิจไหนเงินดี ธุรกิจไหนกำไรดีกว่า" นายเฉลิมเดช กล่าว