จากการที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนตุลาคม 2566 ลดลง 0.31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 25 เดือน ตามการลดลงของราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน และสินค้าอุปโภค-บริโภค จากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 0.66 %
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ระบุว่าภาพของเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เชื่อว่าจะมาจากราคาน้ำมันที่หดตัวโดยราคาน้ำมันดิบ WTI ในเดือน ต.ค. 66 ไม่ได้ขยายตัวมากเมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงภายในเดือนยังย่อตัวลงราว -10.8% บวกกับเป็นช่วงที่รัฐบาลช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ทั้งค่าน้ำมันและค่าไฟ
เงินเฟ้อไทยในปัจจุบันที่ +0.3% (YOY) อยู่ในระดับใกล้เคียงกับจีนที่ 0.0%YOY และยังเป็นระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก ประกอบกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการเร่งขึ้นดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 2.5% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ย – เงินเฟ้อ) ของบ้านเราบวกขึ้นมาค่อนข้างสูง
ฝ่ายวิจัย ฯ รวบรวม 17 หุ้นเด่นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากภาวะเงินเฟ้อไทยชะลอตัว ดังนี้
กลุ่มค้าปลีก : CPALL, CRC, COM7, JMART, HMPRO
กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม : AOT, MINT, CENTEL, ERW
กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ : CPN, SPALI, LH, SC, AP
กลุ่มเช่าซื้อ : MTC, TIDLOR, SAWAD
จับตารัฐอัดนโยบายกระตุ้นศก.ชุดใหญ่มากขึ้น
ในอีกแง่มุมหนึ่งของแนวโน้มเงินเฟ้อไทยที่อยู่ในระดับต่ำ อาจหนุนให้ภาครัฐสามารถอัดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่มากขึ้น ขณะที่ล่าสุดมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเพิ่มเติม โดยนายกฯ ได้เคาะแผนเปิดสถานบริการถึงตี 4 ชั่วคราวใน 4 จังหวัดนำร่อง (กทม., ชลบุรี, เชียงใหม่, ภูเก็ต) เริ่ม 15 ธ.ค. ขณะที่ในระยะถัดไปยังมีนโยบาย DIGITAL WALLET ซึ่งรอรายละเอียดความชัดเจนในวันศุกร์นี้ (10 พ.ย.) อีกทั้งนายกฯ ยังได้มีการหารือร่วมกับคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล ยิ่งต้องจับตามองโครงการใหญ่ที่เตรียมผุดกลางเดือน ธ.ค. โดยมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองรองเป็นหลัก
ดังนั้นเงินเฟ้อไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามราคาพลังงาน รวมถึงเป็นช่วงที่ภาครัฐช่วงลดค่าครองชีพโดยการลดค่าน้ำและค่าไฟ ซึ่งถือว่า เป็นปัจจัยเชิงบวกที่อาจหนุนให้ภาครัฐสามารถอัดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ได้มากขึ้น และน่าจะเป็นกระแสบวกต่อตลาดหุ้น เฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีก อาทิ ERW,AOT, CPALL, CRC, COM 7