"บางจาก" กำไรพุ่ง 11,011 ล้าน ไตรมาส 3/66 สูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัท

08 พ.ย. 2566 | 10:56 น.
อัพเดตล่าสุด :08 พ.ย. 2566 | 10:57 น.

"บางจาก" กำไรพุ่ง 11,011 ล้าน ไตรมาส 3/66 สูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัท ขณะที่ผลดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 66 มีรายได้รวม 242,931 ล้านบาท แม้ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันจะได้รับปัจจัยกดดันจากค่าการกลั่นพื้นฐานที่ลดลง

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท บางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 242,931 ล้านบาท มีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม(EBITDA) 31,433 ล้านบาท 

แม้ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันจะได้รับปัจจัยกดดันจากค่าการกลั่นพื้นฐานที่ลดลงในครึ่งแรกของปี จากราคาน้ำมันที่ลดลง แต่การที่มีการลงทุนและขยายธุรกิจส่วนอื่นๆ ที่มีศักยภาพ ทั้งธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า 

และการที่บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และเริ่มมีการรับรู้ผลการดำเนินงาน ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 14,210 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 10.09 บาท

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 39 ปี อยู่ที่ 11,011 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 7.91 บาท โดยมีรายได้ 94,528 ล้านบาท มี EBITDA 13,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 
 

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญมาจาก 1.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันที่ราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรจากสินค้าคงเหลือ 3,598 ล้านบาท 2.ปริมาณการจำหน่ายของธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มขึ้น

"บางจาก" กำไรพุ่ง 11,011 ล้าน ไตรมาส 3/66 สูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัท

3.ธุรกิจพลังงานไฟฟ้ามีการรับรู้การผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว เต็มไตรมาสและรับรู้ปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐเพิ่มขึ้น 2 โครงการ

และ 4.รับรู้ผลการดำเนินงานของเอสโซ่ (ประเทศไทย) ในสัดส่วน 76.34% ในงบการเงินรวม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2566 เป็นต้นมา รวมถึงมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการต่อรองราคาซื้อที่เกิดจากการประเมินมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สิน (PPA) จำนวน 7,389 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็นแต่ละกลุ่มธุรกิจในไตรมาส 3/2566 กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA 6,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมากกว่า 100% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 53% ซึ่งค่าการกลั่นพื้นฐานในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่ที่ 14.67 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล นับเป็นระดับที่สูงกว่าค่าการกลั่นในตลาดสิงคโปร์ที่อยู่ที่ 9.60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นมีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 116.4 พันบาร์เรลต่อวัน หรือ คิดเป็น 97% ของกำลังการผลิต

กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 1,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมากกว่า 100% และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการจำหน่ายอยู่ที่  1,571 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 13% ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งตลาดค้าปลีกและตลาดอุตสาหกรรม เป็นผลจากการผลักดันการจำหน่าย การขยายสถานีบริการ และการส่งเสริมการตลาด ประกอบกับการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดน้ำมันอากาศยาน ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

กลุ่มธุรกิจเอสโซ่ (ประเทศไทย) มี EBITDA 1,281 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3 ได้เริ่มมีการรับรู้ผลการดำเนินงานของเอสโซ่ (ประเทศไทย) ในงบการเงินรวมของบางจากฯ ตั้งแต่ 1 ก.ย.2566 ทั้งนี้ ในเดือนก.ย.2566 โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชามีการหยุดดำเนินการผลิตเพื่อการซ่อมบำรุงตามแผนและเพื่อดำเนินการติดตั้งและเชื่อมต่ออุปกรณ์สำหรับโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 เป็นเวลา 25 วัน

กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA 1,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 35% และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% นับเป็น EBITDA สูงที่สุดใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป. ลาว กลับมาผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเต็มไตรมาส และมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (การดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2 โครงการ)  รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทยมีปริมาณการจำหน่ายไฟเพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 22% และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมากกว่า 100% โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จากปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นตามแผนบริหารการขายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของบริษัท

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ มี EBITDA 4,873  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน  32% โดยปริมาณจำหน่ายของ OKEA เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 17% จากปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นของแหล่งผลิต Brage และ Nova (ในไตรมาส 2 ปี 2566 ไม่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จาก 2 แหล่งนี้) อีกทั้งราคาขายเฉลี่ยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวปรับเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลก ทั้งนี้ OKEA ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐของนอร์เวย์ในการขยายการลงทุนในแหล่ง Statfjord โดยคาดว่าธุรกรรมจะเสร็จสิ้นในวันที่ 30 พ.ย.2566

อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนก.ย.บางจากได้อนุมัติได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.5 บาทต่อหุ้น สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบางจากฯ ในการเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง