TTA รุกธุรกิจผลิตน้ำมันดิบ เข้าถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ใน"แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่"

10 พ.ย. 2566 | 02:55 น.
อัพเดตล่าสุด :10 พ.ย. 2566 | 02:57 น.

TTA เปิดฉากยุทธศาสตร์การลงทุนในธุรกิจแหล่งผลิตน้ำมันซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำ หลังเข้าซื้อหุ้น "บริษัทแวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (VLE)" 10.14% ก้าวขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสอง

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA กล่าวว่า TTA ได้เข้าไปถือครองหุ้น จำนวน 10,309,900 หุ้น  คิดเป็นสัดส่วน 10.14% ใน "แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ : VLE" พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานของทีมงานแวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ อย่างเต็มที่  เนื่องจาก TTA มองเห็นศักยภาพของหุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง และโอกาสทางธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ 

ในฐานที่ TTA เป็นบริษัทเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์  เรามองหาลู่ทางในการลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโตสูงและเป็นธุรกิจที่อยู่ในตลาดที่ทรัพยากรด้านพลังงาน ซึ่งเราพบว่ากิจการของ แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการลงทุนของเรา  เพราะว่า แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ มีธุรกิจต้นน้ำ และมีการถือครองสัมปทานแหล่งน้ำมันหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียซึ่งยังมีความต้องการใช้พลังงานน้ำมันค่อนข้างสูง

 

"อาจจะกล่าวได้ว่า TTA  มีประวัติการลงทุนในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมานานแล้ว เริ่มตั้งแต่บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน)  ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ เมอร์เมดฯ เพิ่งประมูลได้สัญญา 3 ปี ในโครงการรื้อถอนและติดตั้งโครงสร้างแท่นหลุมผลิตและท่อส่งปิโตรเลียมใต้ทะเลในประเทศไทย ดังนั้น การที่ TTA เข้าไปลงทุนใน แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ จึงเป็นขยายการลงทุนสู่ไปสู่ภาคธุรกิจต้นน้ำ ซึ่งจะครอบคลุม การสำรวจและการขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ TTA มองการณ์ไกลไปถึงความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นกับ แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ ในอนาคต ทั้งการเติบโตของธุรกิจและผลตอบแทนที่ดีที่จะได้รับ”

บริษัท แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (VLE) เป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต ประเทศแคนาดา และครองตำแหน่งผู้ผลิตน้ำมันดิบอิสระนอกชายฝั่งทะเลอ่าวไทยรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ด้วยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 22,100 บาร์เรล/วัน ในไตรมาสที่ 2/2566 และน้ำมันดิบสำรองที่คาดว่าจะพบ (2P Reserve) มีปริมาณ 29 ล้านบาเรลล์ เมื่อปลายปี 2565 ภายหลังที่บริษัทฯ ได้เข้าถือครองกรรมสิทธิ์แปลงสัมปทานในอ่าวไทยหลายแห่ง

ได้แก่ ถือครองกรรมสิทธิ์ ร้อยละ 100 ของแปลงสัมปทานหมายเลข B5/27 แหล่งผลิตปิโตรเลียมจัสมิน  ถือครองกรรมสิทธิ์ ร้อยละ 90 ของแปลงสัมปทานหมายเลข G11/48 แหล่งผลิตปิโตรเลียมนงเยาว์ ถือครองกรรมสิทธิ์ ร้อยละ 70 ของแปลงสัมปทานหมายเลข G1/48  แหล่งผลิตปิโตรเลียมมโนราห์ จากบริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม ประเทศไทย จำกัด (Mubadala Petroleum Thailand)  ในเดือนธันวาคม 2565 และยังได้ถือครองกรรมสิทธิ์ ร้อยละ 100 ของแปลงสัมปทานหมายเลข G10/48 แหล่งผลิตปิโตรเลียมวาสนา จาก บริษัท คริสเอ็นเนอร์ยี่ ประเทศไทย เมื่อเดือนเมษายน 2565