“TNL” ไตรมาส 3/66 กำไรสุทธิอยู่ที่ 271 ล้านเพิ่มขึ้น 653%

13 พ.ย. 2566 | 04:01 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ย. 2566 | 04:22 น.

“TNL” ไตรมาส 3/66 กำไรสุทธิ 271 ล้าน เพิ่มขึ้น 653% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เริ่มรับรู้รายได้จาก 3 ธุรกิจใหม่ เดินหน้าธุรกิจปล่อยสินเชื่อ-บริหารสินทรัพย์ รุกเติบโตก้าวกระโดด

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 นางสาวสุธิดา จงเจนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNL เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 271 ล้านบาท เติบโตขึ้น 235 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 653% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จาก 3 ธุรกิจใหม่ในปี 2566

สำหรับผลประกอบการในงวด 9 เดือน ปี 2566 บริษัทฯ รายได้รวมที่ 2,186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 730 ล้านบาท หรือโตขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 501 ล้านบาท เติบโตขึ้น 422 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 534% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเสริมทัพด้วย 3 Growth Engine ใหม่ โดยสามารถเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 23% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ 5% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

สำหรับธุรกิจ 3 Growth Engine ใหม่ที่ผลักดันรายได้และกำไรสุทธิให้แก่บริษัทฯ ประกอบด้วย                

  • ธุรกิจให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ผ่าน บริษัท ออกซิเจน แอสเซ็ท จำกัด (Oxygen) ในไตรมาส 3 ปี 2566  มีรายได้ 141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยปัจจุบัน Oxygen   มีพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 5,193 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 1,604 ล้านบาท หรือ 45% จากวันที่ 31 ธันวาคม 2565 สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2566 Oxygen มีรายได้รวมที่ 358 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 Oxygen ยังคงบริหารคุณภาพพอร์ตสินเชื่อได้ดี โดยลูกหนี้ทั้งหมดของ Oxygen มีสถานะปกติ ไม่มีลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)
  • ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายผ่าน บริษัท บริหารสินทรัพย์ ออกซิเจน จำกัด (OAM) เริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 หลังจากประมูลพอร์ต NPL ได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 โดยมีหนี้ที่บริหารรวมมูลค่า 1,621 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปี 2566 OAM มีรายได้รวม 46 ล้านบาท

นางสาวสุธิดา จงเจนกิจ

  • ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ผ่าน บริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด (TNLA) ในไตรมาส 3 ปี 2566 มีรายได้ 277 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 199 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยหลักๆ  มาจากการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดของ 2 Joint Ventures ได้แก่ บริษัท พระราม 9  อัลไลแอนซ์ จำกัด และบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแนซ์ จำกัด ให้แก่ บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) (PROUD) สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2566 TNLA มีรายได้ 415 ล้านบาท

นางสาวสุธิดา กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 บริษัทฯ ยังคงมุ่งขยายธุรกิจ ทั้ง 4 ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้อย่างสม่ำเสมอ โดยมี 3 ธุรกิจใหม่ที่เป็น New Growth Engine ที่จะช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่บริษัทในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนสูง บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตพอร์ตสินเชื่อ และพอร์ตลงทุน NPLs อย่างมีคุณภาพและระมัดระวัง และเน้นการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ Oxygen และใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพของ AMC

ทั้งนี้ ตอกย้ำด้วยผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ประจำปี 2566 ล่าสุดที่จัดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้รับการประเมินในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) โดยได้คะแนนสูงถึง 108% ซึ่งตอกย้ำศักยภาพการดำเนินงานของบริษัท ที่มุ่งเน้นพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดี และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน

ล่าสุด บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้จำนวน 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการออกหุ้นกู้ครั้งแรกของบริษัทฯ โดยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม โดยมีนักลงทุนทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ เสนอความต้องการซื้อเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งได้ดำเนินการการขายเสร็จสิ้นแล้ว โดยวัตถุประสงค์ของการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อเตรียมเป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่มีหลักประกัน    (Secured Lending) และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ (AMC) ในอนาคต

 นางสาวสุธิดา กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งบริษัทในเครือสหพัฒน์ที่มีประวัติยาวนาน โดยก่อตั้งมาแล้ว 48 ปี ที่ผ่านมาสามารถสร้างผลประกอบการและผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นมาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2566 ถือเป็นปีแรกที่บริษัทฯ ได้ปรับโฉมธุรกิจใหม่ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเข้าลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้นและยั่งยืนให้กับบริษัทด้วยการปรับเปลี่ยนใน 2 ด้าน ได้แก่ 1.โครงสร้างธุรกิจ โดยการเพิ่ม 3 ธุรกิจใหม่ที่จะมาเป็น New Growth Engine แก่บริษัท และ 2. โครงสร้างองค์กร โดยมี Strategic Partner บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัทฯ เพื่อร่วมขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตไปด้วยกัน

ปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินงานใน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญอยู่เดิม และเสริมทัพด้วยธุรกิจใหม่จากผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง BTS ได้แก่  ธุรกิจให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่มีหลักประกัน (Secured Lending) และธุรกิจการเงินประเภทธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจการลงทุนในบริษัทร่วมทุนเพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพื่อเติมเต็ม Ecosystem ของธุรกิจสู่การเป็นผู้นำอย่างครบวงจร.