ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,683.01 จุด เพิ่มขึ้น 216.90 จุด หรือ +0.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,763.54 จุด เพิ่มขึ้น 66.30 จุด หรือ +1.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,843.77 จุด เพิ่มขึ้น 319.70 จุด หรือ +2.20%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงพุ่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ร่วงลงแตะระดับ 3.966% เมื่อคืนนี้ ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นอัลฟาเบท ดีดขึ้น 2.3% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ บวก 1.9% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.3%
หุ้นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ได้แรงหนุนจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเช่นกัน โดยหุ้นอินวิเดีย ทะยานขึ้น 6.3% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 5.48% ขณะที่ดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 3.28%
หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 2.4% หลังบริษัทประกาศว่าจะวางจำหน่ายแว่นตาเสมือนจริง Apple Vision Pro ในสหรัฐตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.นี้
บิล เมิร์ซ นักวิเคราะห์จาก U.S. Bank Wealth Management กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกขับเคลื่อนโดยทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใดและจะปรับลดลงมากเพียงใด
หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 8% และส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงบวก หลังจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) มีคำสั่งระงับการใช้งานเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย โดยคำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ของสายการบินอลาสก้า แอร์ไลน์ประสบเหตุชิ้นส่วนบริเวณผนังเครื่องบินหลุดกลางอากาศ หลังเพิ่งออกเดินทางจากสนามบินในเมืองพอร์ตแลนด์ของรัฐออริกอนในสหรัฐได้ไม่นาน ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่บริเวณลำตัวเครื่องบิน และต้องร่อนลงจอดฉุกเฉิน
FAA ระบุว่า คำสั่งระงับการใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเครื่องบินประมาณ 171 ลำทั่วโลก โดยสายการบินอลาสก้า แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครื่องบินรุ่นดังกล่าวรายใหญ่อันดับสองของโลก ได้ระงับการใช้เครื่องบินรุ่นนี้ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. ส่วนยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ระงับการใช้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวเช่นกัน
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 4% ภายหลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศปรับลดราคาน้ำมันครั้งใหญ่
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.1% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ย.