หุ้นไทยเช้านี้ ลุ้นฟื้นตัวคาดแกว่ง 1375-1395 จุด จับตาจีดีพีสหรัฐ -เงินเฟ้อ

22 ม.ค. 2567 | 02:29 น.
อัพเดตล่าสุด :22 ม.ค. 2567 | 02:47 น.

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ( 22 ม.ค.67 ) คาดฟื้นตัวตามตาม sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ คาดแกว่งตัวกรอบ 1375-1395 จุด จับตาตัวเลขจีดีสหรัฐ Q4/66 และเงินเฟ้อ กำหนดทิศดอกเบี้ยเฟด

บล.กสิกรไทย มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ( 22 ม.ค.67 ) คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,375-1,390 จุด ตามsentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่หนุนโดยหุ้นกลุ่มเทคฯ จากความคาดหวังการเติบโตของอุตสาหกรรม AI 

อย่างไก็ตามตลาดล่วงหน้าได้ลดความคาดหวังเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดเหลือเพียง 125bps. จากเดิมที่ 150bps. และลดโอกาสกรลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. เหลือ 47 จากสัปดาห์ก่อนที่ 81% หลังตัวเลข Retail sales เดือน ธ.ค. ออกมาดีกว่าคาด สำหรับ

สัปดาห์นี้ High light สำคัญจะอยู่ที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของสหรัฐฯ และตัวเลข Core PCE เดือน ธ.ค.

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือมีกำไร Q4/66 แข็งแกร่ง


 

ด้านนายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ ลุ้นฟื้นตัว โดยได้ Sentiment บวกกับตลาดสหรัฐซึ่งปรับตัวขึ้นไปกว่า 1% จากการคาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปีข้างหน้าของ University of Michigan (UoM) ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.9% ลดลงจากเดือนก่อนที่คาดการณ์เงินเฟ้อที่ระดับ 3.1% รวมทั้งมีมุมมองเชิงบวกกับเศรษฐกิจสหรัฐ สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับขึ้นมาสู่ระดับ 78.8 เป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างดี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นและน่าจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคได้

ส่วนปัจจัยในประเทศการรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใกล้เสร็จสิ้น ซึ่งภาพรวมผลประกอบการที่ออกมาต่ำกว่าคาดบ้าง แต่ระยะถัดมากลุ่มธนาคารพาณิชย์น่าจะประกาศแผนการดำเนินงานและจ่ายเงินปันผล แม้ว่าหุ้นบางตัวจะมี Sentiment ลบบ้างส่งผลกับราคาหุ้น แต่หากมีการปันผลจะเป็นการจำกัดดาวน์ไซด์ของราคาหุ้นได้
 

บล.ลิเบอเรเตอร์ คาดดัชนี SET วันนี้ “ลุ้นฟื้นตัว” ในกรอบ 1375-1395 จุด  ตลาดปรับโอกาสลดดอกเบี้ยสหรัฐฯครั้งแรกเป็นเดือน พ.ค.นี้ จากมุมมองเดิมที่เดือน มี.ค. ส่งผลให้ตลาดลุ้นการเกิด Buy on fact โดยยังคงเน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไรไตรมาส4/66 มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ 

ปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ มีทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น เศรษฐกิจของสหรัฐในไตรมาส4/66 และตัวเลขเงินเฟ้อ (Core PCE) รวมถึงแนะจับตาการประชุมของธนาคารกลางสำคัญ ทั้งธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมวันที่ 23 ม.ค. และธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 25 ม.ค. นี้ ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังอยู่ในช่วงการทยอยรายงานกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มธนาคารรายงานกำไรผสมผสาน นำโดย SCB, กำไรดีกว่าคาด / KBANK, TISCO ตามคาด