ก.ล.ต. ประสาน DSI ตามติดการดำเนินคดีกรณี STARK

24 ม.ค. 2567 | 11:20 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ม.ค. 2567 | 11:44 น.

ก.ล.ต. ประสาน DSI ตามติดความคืบหน้าการดำเนินการกรณี STARK ลั่นยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เดินหน้าเอาผิด 7 ราย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวก่อนหน้านี้ว่า พนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาและนำตัวผู้ต้องหากรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ในคดีความผิดฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงินและฐานฉ้อโกงประชาชน ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาแล้ว 7 ราย

ได้แก่ 1.นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ 2. นางสาวนาตยา ปราบเพชร  3.บริษัท STARK 4. บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (PDITL) 5. บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด TCI) 6. บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด 7. บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม 

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นำโดยนายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ และนางพัฒนพร ไตรพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ เข้าพบและประชุมร่วมกับ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดี รักษาการอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ พ.ต.ท. จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน DSI เพื่อหารือความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีกรณีดังกล่าว 

“ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายและดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมาย (Due Process of Law) รวมทั้งได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด สำหรับกรณี STARK เมื่อปรากฏข่าว ก.ล.ต. ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ประสานงานกับ DSI ซึ่งหากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ต้องการให้ ก.ล.ต. ชี้แจงเพิ่มเติมในประเด็นใด ก.ล.ต. ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ รวมทั้งให้ความร่วมมือในกรณีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมด้วย เพื่อที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการ เพื่อให้พนักงานอัยการพิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการฟ้องคดี” นายธวัชชัย กล่าว

หมายเหตุ : * ความผิดฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชน ตามมาตรา 312 มาตรา 89/7 ประกอบมาตรา 281/2 วรรคสอง และมาตรา 306 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542