ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 38,677.36 จุด เพิ่มขึ้น 156.00 จุด หรือ +0.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,995.06 จุด เพิ่มขึ้น 40.83 จุด หรือ +0.82% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,756.64 จุด เพิ่มขึ้น 147.65 จุด หรือ +0.95%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.4% โดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ทะยานขึ้น 3.3%
หุ้นซีวีเอส เฮลธ์ คอร์ป (CVS Health Corp) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพและเครือข่ายร้านขายยาขนาดใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.1% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2566
หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ ปรับตัวขึ้น 0.27% ขานรับผลกำไรและรายได้ที่ออกมาดีเกินคาดในไตรมาส 4/2566 ขณะที่หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 6% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล
หุ้นชิโปเล่ เม็กซิกัน กริลล์ (Chipotle Mexican Grill) แบรนด์ร้านอาหารเม็กซิกันชื่อดัง ทะยานขึ้น 7.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและยอดขายที่สูงเกินคาดในไตรมาส 4/2566 โดยได้แรงหนุนจากความต้องการเมนูเบอร์ริโต้ (Burrito) และไรซ์โบว์ล (Rice bowl) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ราคาอาหารเมนูดังกล่าวจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
ไมเคิล เจมส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Wedbush Securities ในนครลอสแอนเจลิสกล่าวว่า ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนช่วยให้ตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ของธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐ หลังจากธนาคารนิวยอร์ก คอมมิวนิตี แบงคอร์ป (New York Community Bancorp - NYCB) เปิดเผยตัวเลขขาดทุนเกินคาดในไตรมาส 4/2566 พร้อมประกาศลดการจ่ายเงินปันผล และเพิ่มเงินสำรองเพื่อรับมือกับปัญหาหนี้เสีย
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร NYCB ลงสู่อันดับขยะ (Junk) โดยระบุว่า NYCB ล้มเหลวในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเงินทุนและทำให้ผู้ฝากเงินขาดความเชื่อมั่น พร้อมกับเตือนว่ามูดี้ส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ NYCB ลงอีก หากผลประกอบการของธนาคารย่ำแย่ลงกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี หุ้น NYCB ปิดตลาดดีดตัวขึ้น 6.7% หลังจากนายอเลสซานโดร ดีเนลโล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ NYCB ได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด โดยกล่าวว่าธนาคารจะลดการปล่อยกู้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ NYCB ได้ทำการตัดหนี้สูญ (write-off) ของหลายบริษัทในภาคอสังหาริมทรัพย์
นักลงทุนยังคงจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยล่าสุดนายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2-3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่นางเอเดรียนา คุกเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ก่อนที่จะพิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยข้อมูลจากแอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า ขณะนี้มีบริษัทมากกว่าครึ่งหนึ่งในดัชนี S&P500 ที่ได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดยในจำนวนนี้มี 81.2% ที่รายงานผลประกอบการสูงกว่าคาด