ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 ก.พ.67) ปิดตลาดอยู่ในแดนลบที่ระดับ 1388.37 จุด ลดลง 0.23 จุด เปลี่ยนแปลง 0.02% มีมูลค่าซื้อขายที่ระดับ 29,071.10 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1391.75 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1385.02 จุด จากเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 1389.92 จุด
อัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนี SET พบว่า
ในรอบ 1 เดือนล่าสุด ปรับตัวลดลง 2.10%
ในรอบ 3 เดือนล่าสุด ปรับตัวลดลง 1.64%
ในรอบ 6 เดือนล่าสุด ปรับตัวลดลง 8.55%
และนับตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาแล้ว 1.92%
โดยมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
KBANK ราคา 119.50 บาท ลดลง 1.00 บาท เปลี่ยนแปลง 0.83%
BDMS ราคา 27.75 บาท ลดลง 0.25 บาท เปลี่ยนแปลง 0.89%
MINT ราคา 30.50 บาท ลดลง 0.50 บาท เปลี่ยนแปลง 1.61%
BBL ราคา 141.00 บาท ลดลง 1.00 บาท เปลี่ยนแปลง 0.70%
AOT ราคา 64.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท เปลี่ยนแปลง 0.39%
สำหรับสรุปมูลค่าการซื้อขาย ณ สิ้นวันที่ 9 เดือน กุมภาพันธ์ 2567 ตามประเภทนักลงทุน ประกอบด้วย
สถาบันในประเทศ ซื้อ 1,982.76 ล้านบาท ขาย 2,694.34 ล้านบาท เป็นมูลค่าการขายสุทธิ 711.58 ล้านบาท
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ 1,970.23 ล้านบาท ขาย 1,874.52 ล้านบาท เป็นมูลค่าการซื้อสุทธิ 95.71 ล้านบาท
นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อ 14,931.41 ล้านบาท ขาย 15,790.24 ล้านบาท เป็นมูลค่าการขายสุทธิ 858.82 ล้านบาท
นักลงทุนในประเทศ ซื้อ 10,186.70 ล้านบาท ขาย 8,712.00 ล้านบาท เป็นมูลค่าการซื้อสุทธิ 1,474.69 ล้านบาท
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยฝ่ายผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (9 ก.พ.67) ผันผวนในกรอบแคบๆ หลักๆ เป็นผลมากจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาช่วยหนุนตลาดในระยะนี้ โดยในสัปดาห์หน้า (12-16 ก.พ.67) ประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่แนวรับ 1380 จุด และแนวต้านที่ 1400 จุด ซึ่งเป็นช่วงระหว่างการพักตัว หากว่าไม่หลุด 1380 จุดไป ก็คาดว่าดัชนีอาจเคลื่อนไหวไปต่อที่ระดับ 1420 จุด ได้
ทั้งนี้ อาจต้องจับตารอดูปัจจัยการประกาศงบผลประกอบการในไตรมาส 4/66 และทั้งปี 66 ของบริษํทจดทะเบียนว่าส่วนใหญ่จะเป็นไปในทิศทางใด หากว่าออกมาดีก็เชื่อว่าจะเข้ามาหนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้