กูรูชี้ส่งออกไทยโต หนุนบรรยากาศลงทุนสดใส ชูสินค้าเกษตรรับอานิสงส์

23 ก.พ. 2567 | 04:48 น.
อัพเดตล่าสุด :23 ก.พ. 2567 | 04:53 น.

ตัวเลขส่งออกไทยโต 10% สอดคล้องกับหลายๆ ประเทศในเอเชีย ตามทิศทางการค้าโลกที่เริ่มฟื้นตัวจากภาวะเงินเฟ้อ ชูกลุ่มสินค้าเกษตร เครื่องปรุงรส เครื่องดื่ม รับอานิสงส์เต็มๆ แนะนำ BTG TU CPF

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมกราคม 2567 มีมูลค่า 22,649.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 784,580 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ที่สามารถขยายตัวได้ 10.0% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันกับปีก่อน หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 9.2% การส่งออกของไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง

สอดคล้องกับหลายๆ ประเทศในเอเชีย ตามทิศทางการค้าโลกที่เริ่มฟื้นตัวจากภาวะเงินเฟ้อ ประกอบกับปัจจัยมูลค่าฐานการส่งออกต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่หากเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคก็อาจยังดูมีการเติบโตที่น้อยกว่า โดยการส่งออกของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเติบโต อาทิ เวียดนาม 42% ไต้หวัน 18% เกาหลี 18% สิงคโปร์ 15.7% อย่างไรก็ดี ไทยยังมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับอินเดียและมาเลเซียที่ 3.1% และ 4.2% ตามลำดับ

อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากการส่งออกคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบตามการฟื้นตัวของวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่ยังคงขยายตัวสูง โดยผลิตภัณฑ์การส่งออกส่วนใหญ่ที่ขยายตัวได้แก่ สินค้าเกษตร 14% สินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 11.8% และสินค้าอุตสาหกรรม 10.3% ทั้งนี้ หากเทียบสัดส่วนการส่งออกรวมสินค้าเกษตรแม้มีการเติบโตที่ดีแต่มีสัดส่วนการส่งออกที่น้อยกว่า เมื่อเทียบสินค้าอุตสาหกรรมที่เป็นสัดส่วนใหญ่กว่า 70% ของการส่งออกไทย

ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามความไม่แน่นอนจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะเป็นอุปสรรคทางการค้าในระยะต่อไป ในขณะที่ตัวเลขการนำเข้า มีมูลค่า 25,407.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.6% ดุลการค้า ขาดดุล 2,757.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่นำเข้ามาเพื่อผลิตของอุตสาหกรรมในประเทศ ที่ไม่ใช่พลังงาน เชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ ถือว่าดูไม่แย่ในรอบนี้ มองว่าจากตัวเลขการส่งออกที่มีการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจะช่วยหนุนบรรยากาศในการลงทุนของตลาดหุ้นไทยได้

โดยจากการตัวเลขส่งออกสินค้าเกษตรที่มีการเติบโตที่ดี หากลงไปดูรายละเอียดให้ลึกลงไปอีก สินค้าเกษตรที่มีการส่งออกสูงที่สุดของไทย ได้แก่ ข้าว ไก่สด ยางพารา อาหาร อาหารทะเล อาหารกระป๋อง เครื่องปรุงรส และเครื่องดื่ม ทำให้มองว่าจะส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อราคาหุ้นในกลุ่มนี้ ซึ่งทางฝ่ายมองว่าหุ้น CPF TU BTG GFPT TFG ASIAN AAI และ ITC เป็นต้น จะได้รับอานิสงส์ ในขณะที่เครื่องปรุงรส XO RBF และเครื่องดื่ม ICHI SAPPE เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้จะแกว่งตัวในกรอบ 1400-1420 จุด ระยะสั้นอาจเห็นกระแสเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนใน Emerging Markets แบบกระจายตัว ทั้งในตลาดทุนจีน และประเทศอื่นๆ ไม่เจาะจงหุ้นใดเป็นพิเศษ โดยอาจสังเกตได้ว่าราคาหุ้นที่ขึ้นในช่วง 1-2 วันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคามีการปรับตัวลดงมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา

กลยุทธ์การลงทุน มองว่าด้วยระยะห่างของอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยและสหรัฐฯ ที่กว้าง ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนตัวต่อ กลุ่มส่งออกจะได้อานิสงส์ ทางฝ่ายแนะนำ BTG TU CPF และกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของท่องเที่ยว ERW BA AOT AAV และการแพทย์ที่ได้อานิสงส์ทางอ้อม แนะนำ BDMS