คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 23 ปี
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนธ.ค.2566
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2568 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% ลดลงจากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในการประชุมเดือนธ.ค.2566
ส่วนในปี 2569 เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนธ.ค.2566
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งหลังจากปี 2569 จนกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ราว 2.6% ใกล้กับ "อัตรากลาง" ซึ่งจะเป็นระดับที่ไม่ผ่อนคลายหรือเข้มงวดทางการเงิน
ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐนั้น เฟดปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวสู่ระดับ 2.1%, 2.0% และ 2.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 จากเดิมคาดการณ์ในเดือนธ.ค.2566 ที่ระดับ 1.4%, 1.8% และ 1.9% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8%
นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์อัตราว่างงานที่ระดับ 4.0%, 4.1% และ 4.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.1%, 4.1% และ 4.1% ตามลำดับ ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.1%
ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2.6%, 2.2% และ 2.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.4%, 2.2% และ 2.0% ตามลำดับ