ผู้สื่อข่าวรายงาน ภาพรวมโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ณ วันที่ 14 มี.ค. 2567 พบว่าผู้ถือหุ้นอันดับที่ 14 เป็นรายชื่อ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ถือจำนวน 20,542,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.87% หรือมีมูลค่าร่วม 2,550 ล้านบาท (คำนวณจากราคาเฉลี่ย 124 บาท/หุ้น )
ต่อเรื่องนี้ นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า การเข้ามาถือหุ้นจำนวนนี้ถือเป็นการลงทุนเพื่อบริหารการเงินของบริษัทฯ ตามปกติ และมิได้มีจุดประสงค์เพื่อเข้าไปครอบงำหรือเพื่อเอื้อต่อความร่วมมือใดๆ
อย่างไรก็ตาม หากอนาคตราคาหุ้น KBANK ปรับเพิ่มขึ้นสูงก็อาจพิจารณาขายทำกำไรต่อไป หรือหากราคาหุ้นปรับลดลงลงมาในระดับน่าสนใจก็อาจทยอยลงทุนเพิ่มก็ได้
"ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าอนาคตมีกำไรก็คงจะขายไปตามปกติ ส่วนธนาคารอื่นๆ ก็เหมือนกันถ้ารายไหนน่าสนใจก็อาจเข้าไปลงทุนเหมือนกัน" นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กล่าว
แหล่งข่าวระดับสูง จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุสอดคล้องกันว่า ไม่ได้รับการแจ้งใดๆ เป็นพิเศษจากทาง GULF ถึงการลงทุนดังกล่าวนี้ แต่ประเมินว่า เป็นการเข้ามาซื้อหุ้นเพื่อลงทุนตามปกติ และอาจจะมีการทยอยลงทุนมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่การปรากฏชื่อในลำดับผู้ถือหุ้นใหญ่เนื่องจากมีการถือครองเกินระดับ 0.50%
"น่าจะเป็นการซื้อธรรมดาเพราะผลงานดีซึ่งก่อนหน้านี้ที่ไม่เห็นชื่อเข้ามาเพราะคงถือไม่ถึง 0.50% แต่พอเกินแล้ว มีคนไปเห็นก็เลยเป็นประเด็นก็เท่านั้น" แหล่งข่าวระบุ
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK วันนี้ ( 22 เม.ย.67 ) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 13,485.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ( YoY ) และเพิ่มขึ้นถึง 43.65% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้ 29,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญ 11,684 ล้านบาท ด้าน NPL อยู่ที่ 3.19%
หุ้น KBANK ราคาขยับบวก 0.40%
การเคลื่อนไหวราคาหุ้น KBANK เมื่อเวลาอยู่ระดับ 124.50 บาท ราคาปรับขึ้น 0.40% หรือบวก 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,802.71 ล้านบาท ราคาปรับสูงสุดที่ 124.50 บาท และต่ำสุด 121.50 บาท
เปิดรายชื่อผู้ถือหุ้น KBANK 15 อันดับแรก ณ วันที่ 14 มีนาคม 2567 ประกอบด้วย
1. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 333,112,033 หุ้น 14.06%
2.STATE STREET EUROPE LIMITED จำนวน 218,990,545 หุ้น หรือ 9.24%
3.SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITEDจำนวน 123,834,945 หุ้น หรือ 5.23%
4. THE BANK OF NEW YORK MELLON จำนวน 79,057,884 หุ้น หรือ 3.34%
5. สำนักงานประกันสังคม จำนวน 67,159,400 หุ้น หรือ 2.83%
6. STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY จำนวน 46,023,556 หุ้น หรือ 1.94%
7. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE A) NOMINEES LIMITED จำนวน 34,150,130 หุ้น หรือ 1.44%
8. สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด จำนวน 29,142,800 หุ้น หรือ 1.23%
9. SE ASIA (TYPE B) NOMINEES LLC จำนวน 27,906,660 หุ้น หรือ 1.18%
10. BNY MELLON NOMINEES LIMITED จำนวน 26,835,600 หุ้น หรือ 1.13%
11. HSBC BANK PLC - SAUDI CENTRAL BANK SECURITIES ACCOUNT A จำนวน 25,188,753 หุ้น หรือ 1.06%
12. HSBC BANK PLC-PRUDENTIAL ASSURANCE COMPANY LIMITED จำนวน 22,654,300 หุ้น หรือ 0.96%
13. THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED จำนวน 22,563,300 หุ้น หรือ 0.95%
14. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 20,542,400 หุ้น หรือ 0.87%
15. BNY MELLON NOMINEES LIMITED จำนวน 20,207,983 หุ้น หรือ 0.85%