"ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมข้อมูลตามแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของผู้บริหาร (แบบ 59) สำนักงาน ก.ล.ต. พบว่าในช่วง 4 เดือนปีนี้ ( 24 ม.ค.- 24 พ.ค.67 ) นายอมร ทรัพย์ทวีกุล กรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 7 บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ได้ทำการซื้อขายหุ้นทั้งสิ้น 11 ครั้ง มูลค่ารวม 554.25 ล้านบาท
โดยเป็นรายการซื้อ 6 ครั้ง รวม 11.10 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 352.85 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อในต้นทุนเฉลี่ยหุ้นละ 31.79 บาท ขณะที่ขายหุ้น 5 ครั้ง รวม 8.30 ล้านหุ้น เป็นมูลค่า 201.40 ล้านบาท โดยราคาขายเฉลี่ยหุ้นละ 24.26 บาท ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายตั้งแต่กลางเดือนพ.ค.67 เป็นต้นมา โดยเป็นการขาย 8.30 ล้านหุ้น ในขณะที่ซื้อ 5.10 ล้านหุ้น
ข้อมูลจาก ก.ล.ต. หลังการทำธุรกรรม (24 พ.ค.67) พบว่า นายอมร ทรัพย์ทวีกุล และภรรยา ถือหุ้น EA รวม 104,868,316 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.81% เพิ่มขึ้น 0.22% จากปิดสมุุดรายชื่อทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 11 มี.ค.67 ที่นายอมร ถือหุ้น EA เป็นอันดับที่ 7 จำนวน 70,968,316 หุ้น สัดส่วน 1.90% และ นส.วัสสา ริมชลา (คู่สมรส) ถือเป็นอันดับ 15 จำนวน 25,823,087 หุ้น สัดส่วน 0.69 % หรือรวมถือ 2.59%
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น EA ปิดซื้อขาย (30 พ.ค.67) ที่ 22.20 บาท ปรับลดลง 0.90 บาท หรือ - 3.90% มูลค่าซื้อขาย 1,639.25 ล้านบาท (สวนทางดัชนี SET บวก 0.13% ) ปรับสูงสุดอยู่ระดับ 23.20 บาท ต่ำสุดที่ 21.80 บาท โดยช่วง 52 สัปดาห์ราคาสูงสุด/ต่ำสุดที่ : 66.25 บาท /22.70 บาท และตั้งแต่ต้นปี 67(YTD) ราคาปรับลดลงมาแล้ว 52.26%
ก่อนหน้านี้ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สาเหตุที่ราคาหุ้น EA ร่วงแรง เป็นเพราะผลประกอบการบริษัทฯ ไตรมาส 1/67 ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม EA อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนอนาคต ก้าวเข้าสู่พลังงานสะอาด ซึ่งจะเป็น second curve ของบริษัท
โบรกหั่นประมาณการกำไรปี 67- 68
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ได้ปรับกำไร EA ปี 2567- 68 ลงเป็น 5,779 ล้านบาทและ 4,912 ล้านบาทตามลำดับ เพื่อสะท้อนการเติบโตของธุรกิจแบตเตอรี่ และ EV ที่ช้ากว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า โดย EV รายงานกำไรสุทธิ 1Q67 ที่ 889 ล้านบาท หากหักรายการพิเศษออกกำไรปกติอยู่ที่ 858 ล้านบาท ลดลงทั้ง QoQ และ YoY หลังถูกกดดันจากผลกระทบของ Adder ที่หมดอายุลงรวมถึงปริมาณการส่งมอบรถ EV รวมที่ลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อน
สำหรับ 2Q67 เบื้องต้นคาดกำไรที่ระดับ 900-1,000 ล้านบาท ฟื้นตัว QoQ หลังได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและปริมาณการส่งมอบ EV ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับไปที่ราว 400-450 คัน แต่ยังลดลง YoY จากผลกระทบของ Adder ที่หมดอายุและปริมาณการส่งมอบEV ที่ลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อน คาดการฟื้นตัวในระยะกลาง-ยาว จะยังคงถูกกดดันจากกาไรที่ยังลดลง YoY
คงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ลงเป็น 31.00บาท/หุ้น (จากเดิมที่ 40.00 บาท )
บล.เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า EA รายงานกําไรสุทธิ 1Q67 ปรับตัวลดลง 23.6% QOQ มาอยู่ที่ 888.7 ล้านบาท กดดันหลักจากกําไรปกติที่ลดลง 35.7% QOQ มาอยู่เพียง 857.9 ล้านบาท จาก ADDER SOLAR 90MW หมดอายุเต็มไตรมาส และกระแสลมที่อ่อนตัว QOQ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้ยอดส่งมอบ EV จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 350 คัน (เดิม 185 คัน) งวด 2Q67 คาดกําไรปกติฟื้นตัวQOQ แต่ยังไม่โดดเด่นหนุนจากยอดส่งมอบรถที่คาดเพิ่มขึ้น และเข้าสู่ช่วง PEAK ของSOLA
ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกําไรปกติปี 2567- 68 ลง 21.2% และ 22.1% จากเดิมมาอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท และ 4.4 พันล้านบาท ตามลําดับ เพื่อสะท้อนผลประกอบการในงวด 1Q67 ที่อยู่ในระดับต่ํากว่าที่เคยประเมินไว้ ช่วงสั้นราคาหุ้นอาจถูกกดดันจากผลของ ADDER ที่เริ่มหมด แม้ยอดขาย EV จะเพิ่มขึ้น แต่ยังชดเชยได้ไม่หมด สะท้อนได้จากกําไร 1Q67 ที่ลดลง และภาพกําไรระยะยาวที่อ่อนตัว
เน้นเพียงหาจังหวะ TRADING ช่วงสั้นตามรอบกระแส EV ที่เกิดขึ้นเป็นระลอก โดยน้ำหนักการลงทุน "underweight" ยังคงเป้าหมายที่ 40.00 บาท