WHA จ่อขายที่ดินบิ๊กล็อต 300 ไร่ ปลายไตรมาส 2/67 จัดหนักงบ 7.87 หมื่นล้าน

04 มิ.ย. 2567 | 08:06 น.

แม่ทัพหญิง "จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA มองไตรมาส 2/67 ผลงานเด่น จ่อขายที่ดินแปลงใหญ่กว่า 300 ไร่ คาดไม่เกินเดือนก.ค. เห็นความชัดเจน อวดแบ็กล็อกในมือหนา 1.1 พันไร่จัดหนักงบ 5 ปี กว่า 7.8 หมื่นล้าน รองรับการขยายธุรกิจ

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอซเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจและผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 มองว่ายังคงมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 3,757.38 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,364.92 ล้านบาท

หลักๆ เป็นผลมาจากความสนใจเข้ามาขยายฐานการลงทุนของต่างชาติที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ต้องยอมรับว่าหลังจากที่รัฐบาลได้เดินสายให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติหลากหลายประเทศ ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับความสนใจและเป็นที่จับตามองของต่างชาติเพิ่มมากขึ้นทำให้ในตอนนี้บริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาขอเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จังหวัดชลบุรี และระยอง

ปัจจุบันบริษัทมีการเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดิน (MOU) ในมือแล้วกว่า 700 ไร่ รวมถึงมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ในมือตอนนี้กว่า 1,100 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถทยอยส่งมอบทั้งหมดได้ภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาระดับ Backlog ในมือให้อยู่ที่ไม่น้อยกว่า 1,000 ไร่ ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะการทยอยส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ไปเรื่อยๆ แต่ก็มียอดขายใหม่ๆ เข้ามาเติบอยู่ตลอด

ขณะเดียวกันในตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรอเซ้นสัญญาซื้อขายที่ดินในนิคมฯ ล็อตใหญ่ ขนาดมากกว่า 300 ไร่ ให้กับผู้ประกอบการต่างชาติ เบื้องต้นคาดว่าภายในเดือนมิถุนายน หรืออยางช้าไม่เกินเดือนกรกฎาคม 2567 จะได้เห็นความชัดเจน สะท้อนต่อแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานในส่วนของนิคมฯ ในปีนี้ เช่นเดียวกันกับธุรกิจโลจิสติกส์ ที่ยังคงมีทั้งลูกค้ารายใหม่ และลูกค้ารายเดิมที่ต้องการต่อสัญญาเช่าพื้นที่และขยายพื้นที่ เข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

ทำให้มองว่ายอดสัญญาใหม่ในปีนี้จะยังคงมีการเติบโตที่โดดเด่นได้ต่อ บริษัทวางเป้าส่งมอบโครงการและสัญญาใหม่เพิ่มขึ้น 200,000 ตร.ม. แบ่งเป็นในประเทศไทย 165,000 ตร.ม. และประเทศเวียดนาม 35,000 ตร.ม. ซึ่งคาดว่าสินทรัพย์รวมภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารจะเพิ่มถึงระดับ 3,145,000 ตร.ม. อย่างไรก็ดี ในปี 2567 บริษัทมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART และ WHAIR รวมทั้งสิ้นประมาณ 213,000 ตร.ม. หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,290 ล้านบาท ภายในช่วงปลายปีนี้

ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ไม่น้อยกว่า 2,275 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายนิคมฯในประเทศไทย จำนวน 1,650 ไร่ และนิคมฯ ในประเทศเวียดนามราว 625 ไร่ อย่างไรก็ดี จากความกระตือรือร้นในการเจรจากับทั้งรัฐบาลและเอกชนรายใหญ่ของรัฐบาลไทย ทำให้คาดว่าในปี 2567 ก็มีโอกาสที่ปรับเพิ่มเป้าหมายเหมือนปีก่อนที่สามารถทำยอดขายที่ดินสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 2,767 ไร่ และสูงกว่าเป้าหมายช่วงต้นปีถึง 58% พร้อมกันนี้ บริษัทยังเร่งขยายเฟส และเพิ่มนิคมฯ แห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง

สำหรับแผนธุรกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2567-2571) บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 78,700 ล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็นเงินลงทุนปีนี้ประมาณ 21,000 ล้านบาท และตั้งเป้ากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตมากกว่า 40% พร้อมปรับโครงสร้างรายได้เป็นแบบสม่ำเสมอสัดส่วน 46% และรายได้จากยอดขายที่ดิน 54% จากเดิมที่มีสัดส่วน 40:60% รวมถึงผลักดันรายได้รวมในช่วง 5 ปีสู่ระดับ 1 แสนล้านบาท ส่วนในปี 2567 นี้ บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้แบบตัวเลข 2 หลัก จากปีก่อนที่ 17,200 ล้านบาท