บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มค้าปลีก ว่า ทางฝ่ายคาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) โดยรวมของหุ้นกลุ่มค้าปลีกจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบจากเดือนก่อน ในช่วงหน้าฝน (มิ.ย.-ก.ย. 67) ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นช่วงที่การเติบโตของยอดขายจะต่ำกว่าฤดูอื่นๆ ประกอบกับกำลังซื้อที่ชะลอตัวจากการขาดหายไปของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ การลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ และกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/2567 จากการฟื้นตัวของภาคเกษตร
ขณะที่ SSSG เดือน พ.ค. 2567 ที่ ลดลง 0.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน (ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังจบมาตรการ Easy E-Receipt ในเดือน ก.พ. 67) แต่ดีขึ้นจากเดือนก่อน จาก หดตัว 1.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ในเดือน เม.ย. 2567 โดยทางฝ่ายเลือก CPALL เป็นหุ้นเด่นในเดือน มิ.ย. 2567 จากแนวโน้ม SSSG ดีกว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกอื่นๆ ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 มีโอกาสเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และไตรมาสก่อน โดดเด่นกว่ากลุ่ม
หุ้นกลุ่มค้าปลีกอาหาร มี SSSG ที่บวกและดีขึ้นจากเดือนก่อน ในเดือน พ.ค. เป็น 2.1% จาก 1.8% ในเดือน เม.ย. 2567 จากยอดขายสินค้ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเรียน ขณะที่ CPALL ยังคงโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม รับอานิสงค์จากการท่องเที่ยว โดย CPALL มี SSSG ที่ราว 4.5% ผลจากการมีสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มอาหารพร้อมทานมากที่สุด ขณะที่ BJC ยังคงมี SSSG -1% และติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 รวมถึง CRC (ธุรกิจอาหาร) มี SSSG ที่พลิกเป็นลบเล็กน้อย เพราะผลกระทบจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงในเวียดนาม
ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกสินค้าซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน มี SSSG เป็นลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 แม้ดูดีขึ้นจากเดือนก่อน เป็น -3.3% ในเดือน พ.ค. จาก -4.8% ในเดือน เม.ย. 2567 เพราะเผชิญแรงกดดันจากงานภาครัฐที่ยังเบิกจ่ายได้ไม่เร็วนัก กำลังซื้อในโซนเกษตรกรรมที่ลดลงท่ามกลางค่าครองชีพที่สูงขึ้น ผลประโยชน์ที่เคยได้รับจากอุปสงค์กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงที่อากาศร้อนกว่าปกติเริ่มเจอฐานสูงจากปีก่อน
และการซื้อล่วงหน้าช่วงมาตรการ Easy E-Receipt ของรัฐบาลในช่วงไตรมาส 1/2567 ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ในหุ้นกลุ่มค้าปลีกสินค้าซ่อมแซมและตกแต่งบ้านยังคงมี SSSG ติดลบเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ได้แก่ DOHOME ที่ -5.5%, HomePro ที่ –5.0%, ไทวัสดุ (ภายใต้ CRC) ที่ -2%, GLOBAL ที่ -2%, มีเพียง Mega Home (ภายใต้ HMPRO) ที่ +1% ในเดือน พ.ค. 2567
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มค้าปลีกเผชิญแรงกดดันจาก SSSG ที่อ่อนตัวลงตั้งแต่เดือน ก.ค. 2566 หลังการขาดหายไปของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่ชะลอตัวจากภาคการผลิตและภาคการเกษตร แม้ว่าจะดีขึ้นในภาคบริการ โดยทางฝ่ายเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ผ่านจุดต่ำสุดในเดือน พ.ค. จะทำให้ภาคบริการยังคงดีต่อเนื่อง
ประกอบกับการคาดการณ์สภาพอากาศที่จะเข้าสู่ลานีญาน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ผลิตผลและกำลังซื้อภาคเกษตรฟื้นตัวได้ช่วงปลายปี 2567 นี้ ทางฝ่ายยังคงแนะนำ Overweight หุ้นกลุ่มค้าปลีก โดยเชื่อว่าราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ปรับตัวลดลง 6% ช่วงตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน และ 4% ช่วงนับตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/2567 จนถึงปัจจุบัน สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว โดยเลือก CPALL เป็นหุ้นเด่น