โบรกชี้ความกังวลใจทางการเมืองไทย ฉุดดัชนี SET ต่ำสุดในรอบ 51 เดือน

17 มิ.ย. 2567 | 06:01 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มิ.ย. 2567 | 06:40 น.

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดภาคเช้าวันนี้ 17 มิ.ย. 67 ร่วง 14.64 จุด มาอยู่ที่ 1,291.92 จุด โบรกชี้ดความกังวลใจต่อการเมืองไทยเป็นแรงฉุด แนะระยะนี้ตลาดหุ้นผันผวนอาจเห็นแรง Short ฝรั่ง ส่งท้ายก่อนใช้มาตราการ Uptick Rule

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 17 มิ.ย. 67 ณ เวลา 12.37 น. อยู่ที่ระดับ 1,291.92 จุด ปรับตัวลดลง 14.64 จุด หรือคิดเป็น 1.12% มีมูลค่าการซื้อขายสุทธิทั้งสิ้น 22,795.95 ล้านบาท โดยราคาเปิดตลาดเช้าของวันนี้อยู่ที่ระดับ 1,306.56 จุด ต่ำสุดในรอบ 51 เดือน หลังจากที่เดือนมี.ค. 63 เคยทำได้ที่ระดับ 1,125.86 จุด

โบรกชี้ความกังวลใจทางการเมืองไทย ฉุดดัชนี SET ต่ำสุดในรอบ 51 เดือน

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเช้าวันนี้ 17 มิ.ย. 67 หลักๆ เป็นผลมาจากกังวลใจต่อปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ทั้งในเรื่องของวินิจฉัยคุณสมบัตินายกเศรษฐา ทวีสิน, คดี ม.112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, การยุบพรรคก้าวไกล และ คำตัดสินว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ใน 4 มาตรา ว่าจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบ โดยหากว่านายกเศรษฐา ทวีสิน ถูกสั่งให้ยุติหน้าที่ พรรคก้าวไกลถูกยุบ ทางให้พรรคทางเลือกอื่นๆ ดูมีน้ำหนักเสียงมากขึ้น ทำให้กังวลใจว่าหลังจากนั้นอาจมีความวุ่นวายเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ส่วนตัวเชื่อว่านายกเศรษฐา ทวีสิน จะได้อยู่ต่อ คดี ม.112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะได้รับการประกันตัว การยุบพรรคก้าวไกลนั้น นัดในครั้งนี้เป็นเพียงนัดพิจรณาคดี ไม่ใช่นัดวินิจฉัยจึงยังไม่มีอะไรที่น่ากังวลนัก และท้ายที่สุดแล้วพรรคเพื่อไทยจะได้อยู่ต่อ 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีความสามารถไม่เพียงพอต่อการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ การผลิตต่ำ ดูไร้ความหวัง แต่ส่วนตัวมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เพียงไทยประเทศเดียวที่ต้องเผชิญ แต่เป็นเหมือนกันทั่วทั้งภูมิภาค (Regional) การลดลงของเศรษฐกิจไทยและอินโดนีเซียใกล้เคียงกันที่ -14-15% สะท้อนถึงว่าเศรษฐกิจไม่เข้าขั้นว่าเลวร้ายนัก รองลงมา คือ ฟิลิปปินส์ -10% มีเพียงประเทศมาเลเซียและเวียดนามที่การเติบโตทางเศรษฐกิจส่วนทางประเทศอื่นๆ 

อย่างไรก็ดี มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของเดือนมิ.ย. 67 นี้ ยังดูมีความผันผวนอยู่มาก เนื่องจากอาจเห็นแรง Short จากฝรั่งเข้ามาป่วนในระยะนี้ เป็นการส่งท้ายก่อนที่ทางตลาดหลักทรัพย์จะมีการบังคับใช้มาตรการการยกระดับเกณฑ์ Price Rule ให้ธุรกรรมขายชอร์ตต้องทำที่ระดับราคาสูงกว่าราคาตลาดครั้งสุดท้ายเท่านั้น (Uptick rule) เพื่อป้องกันการ Dump ราคา ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 67 เป็นต้นไป บรรยากาศระหว่างนี้ก็อาจจะดูมีความเสี่ยงอยู่

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผอ.อาวุโสและนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับตัวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในเช้าวันนี้ มองว่าหลักๆ เป็นผลมาจากได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ทำให้มีผลต่อสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงความกังวลใจต่อการเมืองของประเทศไทย ที่เร็วๆ นี้ จะมีการพิจารณาหลายๆ คดี ทั้งนี้ มองว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมือของประเทศไทยอาจไม่ได้มากมายอย่างที่ตลาดคาดการณ์

และคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปมาก แม้อาจมีพรรคเล็กหลุดไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดพรรคเพื่อไทยจะอยู่ต่อ หรือแม้อย่างร้ายแรงที่สุดหากว่า นายกเศรษฐา ทวีสิน ถูกยุติบทบาททางการเมือง ก็มองว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยจะยังคงเดินหน้าต่อไป โดยทางฝ่ายคาดว่ามาตรการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และดิจิทัลวอลเล็ต จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อในช่วงปลายปีให้กลับมาดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

เศรษฐกิจไทยในขณะนี้เหมือนกลับไปเป็นภาพเดียวกันกับเมื่อปี 2562 หลังจากที่มีการเลือกตั้งและในปีต่อมาภาครัฐการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยกลับไปเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 6-9% ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเป็นเช่นนั้น

สำหรับการไหลกลับมาของกระแสเงินทุนต่างชาตินั้น มองว่าในปี 2567 นี้อาจยังไม่กลับมา แต่ต้นปี 2568 จะเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาบ้าง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วอย่างน้อย 2-3 ครั้ง จากคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 9 ครั้ง แบ่งเป้นในปลายปี 67 จำนวน 1 ครั้ง และในปี 68-69 ประมาณ 4 ครั้งต่อปี

ประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,270-1,290 จุด โดยคาดว่ากรอบเฉลี่ยแนวรับจะอยู่ที่ระดับ 1,270-1,220 จุด ขณะที่กรอบดัชนีแนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 1,330 จุด มองว่าในจังหว่ะทีตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงต่ำเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อเก็บของถูก โดยกลุ่มที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และค้าปลีก ที่ได้รับอานิสงส์จาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐ อาทิ CPALL CPAXT BTG TNP OSP TU TFG เป็นต้น