นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวลือถึง EA ในแง่ลบที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดความกังวลใจต่อสถานะทางการเงินของบริษัท และเกิดความแคลงใจว่าบริษัทกำลังจะถึงจุดสิ้นสุดแล้วหรือไม่นั้น
อยากขอชี้แจงตรงนี้ว่าปัจจุบันบริษัทยังคงมีการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้อยู่ และยังมีกระแสเงินสดเป็นรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีกระแสเงินสดในมือที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีเฉลี่ยจะทำได้ที่ระดับใกล้เคียงนี้
ถึงแม้ว่าค่า Adder ของธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัทที่มีในมือปัจจุบันจะทยอยหมดลง ประกอบด้วยโซลาร์ฟารม์ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการโซลาร์ฟาร์ม นครสวรรค์ ขนาด 90 เมกะวัตต์ (MW) (หมด Adder แล้วในปี 2566), โครงการโซลาร์ฟาร์ม ลำปาง ขนาด 90 MW จะหมด Adder ในปี 2568, โครงการโซลาร์ฟาร์ม พิษณุโลก ขนาด 90 MW จะหมด Adder ปี 2569, โครงการพลังงานลม หาดกังหัน ขนาด 125 MW จะหมด Adder ปี 2570 และ โครงการพลังงานลม หนุมาน ชัยภูมิ ขนาด 260 MW จะหมด Adder ในปี 2571
ส่งผลให้คาดว่ารายได้สัญญาขายไฟฟ้าดังกล่าวในปี 2572 จะลดลงเหลือประมาณ 5,000 ล้านบาท จากปี 2568 ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ไม่น้อยกว่า 9,000 ล้านบาท ในทางกลับกันเมื่อหมดสัญญา Adder จากทางภาครัฐแล้วบริษัทยังสามารถขายไฟฟ้าให้กับรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนรายอื่นที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้า ทำให้สามารถรับรู้รายได้ส่วนค่าไฟฐานเข้ามาได้เพิ่ม โดยอัตราค่าไฟฐานเฉลี่ยในแต่ละโครงการจะไม่เท่ากันแต่เฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 4 บาทต่อหน่วย ซึ่งก็ยังสูงกว่าเมื่อเทียบกับ FIT ทั่วไป
"สมโภชน์" ลั่น EA เจ็บแต่จบ รับหุ้นถูกฟอสเซล ย้ำยังถือหุ้นใหญ่
EA แจงราคาหุ้นปรับลดลงเกิดจากปัจจัยภายนอก ไม่มีพัฒนาการสำคัญทางธุรกิจ
อีกทั้งยังไม่มีวันหมดอายุสัญญา ทำให้สามารถช่วยสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแรงให้กับบริษัทได้ในระยะยาว นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทดำเนินการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน Super Holding Company กับทางรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 65% และบริษัทและพันธมิตรจะถือหุ้น 35% มูลค่าลงทุนรวม 200 ล้านเหรียญ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา EA ได้ใส่เงินลงทุนไปแล้วราว 100 ล้านเหรียญ ส่วนที่เหลืออีก 100 ล้านเหรียญที่จะนำมาลงทุนในปีนี้จะนำมาจากการกู้เงินจากสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ EA จะมีสิทธิในการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาวทั้งหมด โดย EA ก็จะสามารถรับรู้ผลตอบแทนจากการร่วมลงทุนเข้ามาได้ภายในปี 2568 เป็นต้นไป ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 7,000 MW พร้อมกันนี้ ยังวางแผนที่จะนำเอา Super Holding Company เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และต่อยอดในเรื่องของคาร์บอน เครดิต (Carbon Credit) ร่วมด้วย
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้เตรียมแผนรองรับโดยการขับเคลื่อนธุรกิจไปในทิศทางที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการหาโปรเจคใหม่เพื่อสร้างรายได้อื่นๆ เพิ่มเติม จากการขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะในจังหวัดภูเก็ต ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2569 และได้มีการเซ็น PPP ตั้งศูนย์จัดการขยะบนพื้นที่เกาะล้าน โดยมีสัญญาระยะ 5 ปี สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานเชิงรุกที่มีอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของโรงงานแบตเตอรี่ของ EA ที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องความสามารถการแข่งขัน หลังจากราคาแบตฯ ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาบริษัทและพันธมิตร ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี และได้ทำการศึกษาพร้อมกับปรับปรุงเทคโนโลยีที่ใช้ในกระบวนการผลิต จนขณะนี้ทำให้ต้นทุนปรับลดลงอยู่ใกล้เคียงระดับที่สามารถแข่งขันได้ และวางแนวทางในการขยายตลาดต่างประเทศใหม่ๆ ร่วมกับคู่ค้าเพิ่มเติม เพื่อสร้างธุรกิจให้มีการเติบโตได้อข่างมั่นคงและแข็งแกร่ง
มองว่าจากการที่สินค้าของจีนถูกกีดกันด้วยกำแพงภาษีจากฝั่งสหรัฐฯ เป็นโอกาสที่ทำให้สินค้าไทยสามารถเข้าไปขยายตลาดได้มากขึ้น และสามารถเข้าถึงวัตถุดิบที่มีต้นทุนที่ถูกลงกว่าเมื่อเทียบกับในอดีต ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าแม้สินค้าของ EA จะมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ แต่ในเรื่องของราคาอาจสู้กับสินค้าจีนไม่ได้ เพราะมีต้นทุนที่สูงกว่า
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมี Product Champions อาทิ การจับมือพันธมิตรแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF), ความร่วมมือกับ CRRC Dalian ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ผู้นำธุรกิจรถไฟความเร็วสูงของจีน ร่วมผลิตหัวรถจักรไฟฟ้า,เป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ (Commercial EV) และสถานีชาร์จของบริษัทได้รับการจดสิทธิบัตร ultra-fast charge ในระดับโลก มีหัวชาร์จมากกว่า 2,000 จุดครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ
ตลอดระยะเวลา 20 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา EA เป็นบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจใหม่และเป็นกระแสโลกเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ เป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่รวมถึงเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้านับตั้งแต่การผลิตแบตเตอรี่ Li-ion การประกอบ รถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถหัวลากไฟฟ้า เรือไฟฟ้ารวมถึงสถานีชาร์จที่มีครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ นับเป็นความภูมิใจที่เป็นบริษัทของคนไทยที่สามารถพิสูจน์ต่อสายตาชาวโลกว่า คนไทยทำได้
ทางด้านรถโดยสารไฟฟ้าของบริษัท ไทยสมายบัส จำนวน 2,000 คัน ได้ให้บริการมีผู้โดยสารใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ยจำนวนผู้โดยสารในตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 350,000 คน/วัน เชื่อว่าภายในระยะเวลา 1 ปี จะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้
ขณะที่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ บริษัท NEX ก็ถือเป็นผู้นำตลาดของเมืองไทยที่มีคู่ค้า พันธมิตร ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ให้การยอมรับ และพร้อมที่จะมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและใช้บริการของ NEX และขอยืนยันว่า EA ได้เตรียมเงินสดไว้เพียงพอสำหรับการเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้ เพื่อช่วยให้ NEX มีฐานทุนที่แข็งแรงสำหรับการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตต่อไปได้ สำหรับหุ้นเพิ่มทุนที่ขาย PP ให้กับนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ได้รับการยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะใส่เงินเพิ่มทุน เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกับ EA
"ในสายตาของต่างชาติมองธุรกิจและสินค้าของ EA แบบน่าทึ่งมาก ในขณะที่ในสายตาของคนในประเทศกลับไม่ภูมิใจ อีกทั้งยังมาด้อยค่าด้วยการสร้างข่าวลือในเชิงลบ ส่งผลกระทบที่เป็นลูกโซ่ต่อความกังวลใจ ตวามไม่เชื่อมั่นใจธุรกิจ จนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้จึงมาย้ำอีกครั้งว่าธุรกิจของ EA ยังคงเป็นไปได้ด้วยดี และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะเราเองก็ไม่ได้หยุดนิ่ง และยังมองว่าอะไรใหม่ๆ มาเพิ่มขีดความสามารถอยู่ตลอด ธุรกิจไฟฟ้าก็ยังสร้างรายได้ให้สม่ำเสมอแม้ว่า Adder ที่มีจะทยอยหมดอายุลง แตก็รับรู้รายได้จากค่าไฟฐานเข้ามาได้เพิ่ม ใน 1-2 ปี แน่นอนว่าโครงสร้างรายได้ EA อาจเปลี่ยนไป เพราะธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ จากการไปขยายตลาดใหม่ และการรับจ้างผลิตให้กับลูกค้าต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในปีหน้าและปีถัดไป"
จากปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาสะท้อนให้เห็นว่าปัจจุบันบริษัทยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ดังนั้นไม่จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการรุกขยายธุรกิจ รวมถึงการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับกับชำระคืนหนี้หุ้นกู้ด้วย โดยบริษัทมั่นใจว่าสามารถจ่ายดอกเบี้ยและชำระหนี้หุ้นกู้ได้ตรงตามกำหนดอย่างแน่นอน ปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E)ที่ระดับ 1.5-1.6 เท่า และยังมีอันดับเครดิตเรทติ้่งที่ BBB+ ซึ่งยังถือว่ามีฐานะการเงินในระดับที่ดี และยืนยันว่าต่อให้การลงทุนใน NEX หรือ BYD แล้วต้องหยุดกิจการ บริษัทก็ยังสามารถจ่ายคืนเงินกู้ได้ครบถ้วน
กรณีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในช่วงกลางไตรมาส 3/2567 นี้ ประมาณ 5,500 ล้านบาท บริษัทอาจมีการพิจารณาจะออกชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิม (Roll Over) ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนและสถาบันการเงิน เนื่องจากธุรกิจมีสัญญาการซื้อขายไฟในระยะยาวและมีกระแสเงินสดเข้ามาทุกวัน ซึ่งทำให้สามารถประเมินความสามารถในการคืนหนี้ได้