กลุ่มหุ้นค้าปลีกเด้งรับ "เงินดิจิทัล" ชู CPALL รับอานิสงส์เต็มสูบ

25 ก.ค. 2567 | 08:03 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ค. 2567 | 08:07 น.

หลังจากที่รัฐบาลออกมาให้ความชัดเจนโครงการ "เงินดิจิทัล" เปิดให้ลงทะเบียน 1 ส.ค. 2567 เป็นต้นไป โบรกมองบวกหุ้นกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง-ซ่อมแซมบ้าน และหุ้นค้าปลีกอุปโภค-บริโภค ได้รับอานิสงส์ หนุนราคาหุ้นวันนี้ 25 ก.ค.2567 เรียงแถวยืนแดนบวก นำทีมโดย CPALL

หลังจากที่วานนี้ (24 ก.ค.2567) ทางกระทรวงการคลัง ได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการลงทะเบียนของประชาชน ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่จะเปิดให้มีการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอย่างเป็นทางการตามกำหนดเวลา ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

แม้ว่าจะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และจะเข้ามาช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และการอุปโภค-บริโภค ให้เพิ่ขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2567 นี้

แต่ดูเหมือนว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ 25 ก.ค.2567 อาจดูไม่ตอบรับมากสักเท่าไหร่ และยังคงยืนอยู่ในแดนลบต่อเนื่อง (ดัชนี ณ เวลา 14.50 น. ) ที่ระดับ 1,291.70 จุด ลดลง 6.38 จุด เปลี่ยนแปลง 0.49% จากดัชนี้ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,289.98 โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมที่ 22,933.15 ล้านบาท

และไม่สามารถยืนเหนือ 1,300 จุดได้อย่างมั่นคง จากเมื่อวานนี้ที่ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,298.08 จุด

ทั้งนี้ ในแง่มุมของนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า การที่รัฐบาลแถลงความคืบหน้าดิจิทัลวอลเล็ต มองว่ายังไม่มีข้อมูลใหม่ โดยเป็นการยืนยันเงื่อนไขที่เคยเผยแพร่มาก่อนหน้านี้ รวมถึงยืนยันสินค้าที่ห้ามใช้จ่าย (negative list) ซึ่งรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์ ความชัดเจนที่เพิ่มขึ้นมีเพียงกำหนดระยะเวลาลงทะเบียน เริ่มต้น 1 ก.ย. และยังไม่มีกำหนดกรอบเวลาใช้จ่ายที่ชัดเจน

ขณะที่การลงทะเบียนร้านค้าที่เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. อาจทำให้เกิดความกังวลต่อความเสี่ยงที่การเริ่มใช้จ่ายเงินอาจจะล่าช้า อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายยังคงชอบหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากดิจิทัลวอลเล็ต และ การฟื้นตัวของการบริโภค อาทิ

  1. กลุ่มที่สามารถใช้จ่ายโดยตรง CPALL, TNP
  2. กลุ่มที่เป็นซัพพลายเออร์ให้ร้านค้าปลีก CPAXT, CBG, OSP
  3. กลุ่มที่มีร้านค้าปลีกแต่คิดเป็นสัดส่วนไม่มากของรายได้รวม TFG, BTG

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยในบทวิเคราะห์ว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตของภาครัญในวันนี้ชัดเจนแล้ว ลงทะเบียนกลุ่มสมาร์ทโฟน 1 ส.ค.-15 ก.ย. และกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน 16 ก.ย.-15 ต.ค. ส่วนลงทะเบียนร้านค้า 1 ต.ค. เริ่มใช้จ่ายในไตรมาส 4/67 เงื่อนไขใช้จ่ายแบบพบหน้ากับร้านค้าขนาดเล็ก-ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กเท่านั้น

ส่วนในระดับร้านค้ากับร้านค้าด้วยกัน ไม่จำกัดขนาดร้านค้า และไม่จำเป็นต้องจ่ายแบบพบหน้า พร้อมระบุสินค้าต้องห้าม เครื่องใช้ไฟฟ้า-โทรศัพท์มือถือ-บัตรเงินสด-เติมน้ำมัน-ทองคำ-อัญมณี-สลากกินแบ่งรัฐบาล-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์-ผลิตภัณฑ์ยาสูบ-กัญชา-กระท่อม เป็นต้น

จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ฝ่ายวิจัยมองว่ากลุ่มที่ขายเครื่อใช้ไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์เสียโอกาส COM7, SYNEX, SIS, SPVI, CPW, ADVANC, TRUE, HMPRO แต่ในทางกลับกันจะเป็รการเพิ่มโอกาสให้กับหุ้นกลุ่มอุปโภค-บริโภค ตัวหลักๆ คือ CPALL

ในขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คณะรัฐมนตรีได้แถลงความคืบหน้าโครงการ Digital Wallet มี รายละเอียดต่อไปนี้ โดยรัฐบาลคาดว่าจะสามารถใช้เงินได้ในช่วงไตรมาส 4/67 ผู้มีสิทธิ์จะมี รายได้ไม่เกิน 8.4 แสนบาท/ปี หรือเฉลี่ยรายได้เดือนละ 7 หมื่นบาท และไม่เป็นผู้มีเงินฝากกับสถาบันการเงินเกินกว่า 5 แสนบาท

พร้อมเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนในช่วงวันที่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย. ผ่าน Application “ทางรัฐ” บน Smart Phone ซึ่งรัฐบาลคาดการณ์ว่ามีผู้เข้าร่วมกลุ่มราว 45-50 ล้านคน ส่วนร้านค้าสามารถเริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 ต.ค. โดยสินค้าที่ไม่ครอบคลุมประกอบไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ กัญชา กระท่อม น้ำมัน แก๊ส รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

ประเด็นดังกล่าวทางฝ่ายมองเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่จะได้รับผลบวกทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ (BJC CPALL CRC DOHOME GLOBAL) โดยเฉพาะ CPALL ที่ ครอบคลุมทั้งร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกในวันนี้ พบว่าส่วนใหญ่ที่การปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดย CAPLL ที่เหล่านักวิเคราะห์ลงความเห็นว่าจะเป็นผู้ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตโดยตรง

โดยราคาหุ้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ณ เวลา 14.11 น. อยู่ที่ระดับ 57.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 1.79% โดยในช่วงระหว่างนับตั้งแต่เปิดตลาดมาจนถึงขณะนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไทำจุดสูงสุดที่ระดับ 57.50 บาท ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 55.75 บาท มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 1,189.65 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ณ เวลา 14.26 น. อยู่ที่ระดับ 29.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 0.85% โดยในช่วงระหว่างนับตั้งแต่เปิดตลาดมาจนถึงขณะนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไทำจุดสูงสุดที่ระดับ 30.00 บาท ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 29.25 บาท มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 69.19 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ณ เวลา 14.28 น. อยู่ที่ระดับ 10.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 2.83% โดยในช่วงระหว่างนับตั้งแต่เปิดตลาดมาจนถึงขณะนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไทำจุดสูงสุดที่ระดับ 11.10 บาท ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 10.60 บาท มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 61.37 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ณ เวลา 14.29 น. อยู่ที่ระดับ 15.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 1.94% โดยในช่วงระหว่างนับตั้งแต่เปิดตลาดมาจนถึงขณะนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไทำจุดสูงสุดที่ระดับ 15.90 บาท ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 15.50 บาท มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 98.56 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ณ เวลา 14.38 น. อยู่ที่ระดับ 8.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 1.14% โดยในช่วงระหว่างนับตั้งแต่เปิดตลาดมาจนถึงขณะนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไทำจุดสูงสุดที่ระดับ 8.95 บาท ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 8.70 บาท มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 90.95 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ณ เวลา 14.27 น. อยู่ที่ระดับ 20.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 0.49% โดยในช่วงระหว่างนับตั้งแต่เปิดตลาดมาจนถึงขณะนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไทำจุดสูงสุดที่ระดับ 20.70 บาท ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 20.40 บาท มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 40.24 ล้านบาท