เขียวมาทั้งวัน ปิดตลาดพลิกเกม ดัชนีหุ้นไทยปิดแดนลบ 1,274.01 จุด

06 ส.ค. 2567 | 11:33 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ส.ค. 2567 | 11:33 น.

ตลาดหุ้นไทยสับขาหลอก ดัชนีปิดตลาดแดนลบ 1,274.01 จุด ลดลง 0.66 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 3.82 หมื่นล้าน โบรกมองตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงซึมตัวตลอดทั้งสัปดาห์ แรงกดดันงบ บจ. ไตรมาส 2 ผิดคาสด และความไม่แน่นอนทางการเมือง สำหรับตลาดหุ้นภูมิภาควันนี้ 7 แห่งปิดบวก

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในวันนี้ 6 ส.ค.2567 แม้ว่านับตั้งแต่เปิดตลาดซื้อขายมาดัชนีจะยืนแดนบวกและแกว่งตัวในกรอบแคบๆ มาได้ตลอดทั้งวัน แต่ก่อนปิดตลาดกลับมาแรงขายออกมากดดัน ทำให้ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 6 ส.ค.2567 ปิดตลาดที่ระดับ 1,274.01 จุด ปรับตัวลดลง 0.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.05% ในช่วงระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,289.24 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,274.01 จุด มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 38,230.49 ล้านบาท

โดยหากแบ่งประเภทตามกลุ่มนักลงทุนแล้ว พบว่า กลุ่มสถาบันและกลุ่มนักลงทุนในประเทศ มีสถานะซื้อสุทธิ ที่ 547.35 ล้านบาท และ 683.34 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่บัญชีบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ มีสถานะขายสุทธิ 506.88 ล้านบาท และ 723.81 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับ 5 หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในวันนี้ ประกอบด้วย

  • DELTA ราคา 96.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท เปลี่ยนแปลง 1.57% มูลค่าซื้อขาย 2,058.90 ล้านบาท
  • ADVANC ราคา 238.00 บาท ลดลง 2.00 บาท เปลี่ยนแปลง 0.83% มูลค่าซื้อขาย 1,784.52 ล้านบาท
  • TRUE ราคา 9.65 บาท โดยราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 1,458.20 ล้านบาท
  • MINT ราคา 25.50 บาท ลดลง 1.50 บาท เปลี่ยนแปลง 5.56% มูลค่าซื้อขาย 1,382.69 ล้านบาท
  • BDMS ราคา 26.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท เปลี่ยนแปลง 0.96% มูลค่าซื้อขาย 1,348.34 ล้านบาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการณผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ยังคงมีความผันผวนและไม่แน่นอนอยู่ โดยที่ 2 ปัจจัยเป็นแรงกดดันตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ ได้แก่ ความเสี่ยงจากการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งแน่นอนว่ายังมีหุ้นในหลายกลุ่มที่ผลงานในไตรมาส 2/2567 อาจออกมาไม่ดีนัก

นอกจากนี้ จากความไม่แน่นอนของการเมืองฝั่งสหรัฐฯ ทำให้หุ้นกลุ่มใหญ่ที่มีน้ำหนักต่อตลาดทุนไทยมากๆ เช่น กลุ่มพลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มปิโตรเคมี กดดันภาพรวม ขณะเดียวกันก็ยังมีความเสี่ยงในด้านการเมืองในประเทศร่วมด้วย ดังนั้นจึงทำให้การฟื้นตัวของตลลาดหุ้นไทยอยู่ในจุดที่จำกัด

แต่อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายยังคงยืนยันว่ามีมุมมองเชิงบวกในระยะกลางและระยะยาว หรือช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ต่อตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจ แม้ว่าจะยังคงมีบางกลุ่มที่มีความเสี่ยง แต่ก็มีอีกหลายกลุ่มที่ยังมีปัจจัยเชิงบวกเฉพาะ อาทิ หุ้นที่ให้ผลตอบแทนคล้ายคลึงกับพันธบัตร ซึ่งได้รับอานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง หุ้นที่มีพื้นฐานที่ดีและกำไรแข็งแกร่ง

โดยทางฝ่ายมีมุมมองที่เป็นบวกกับหุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ผลงานแข็งแกร่ง เช่น กลุ่มอาหาร แนะนำ TU TFG BTG GFPT หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL CPAXT และหุ้นกลุ่มสื่อสาร ADVANC SAMART และ SYNEX อย่างไรก็ดี ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ (5-9 ส.ค.2567) ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะซึมตัวลง

จุดที่น่าสนใจ ทางฝ่ายประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2567 แม้ว่าจะถอยลงมาเยอะ แต่เมื่อชั่งน้ำหนักของปี 2567 และ2568 ค่าเฉลี่ย Forward P/E ยังอยู่ที่ 13 เท่า ดังนั้น Downside จะอยู่ที่ระดับประมาณ 1,220-1,240 จุด ซึ่งสะท้อนต่อปัจจัยลบผลประกอบการแล้ว

นี่จึงเป็นโอกาสรอบสุดท้ายในการเข้าซื้อ ก่อนที่ในช่วงไตรมาส 3/2567 นี้เป็นต้นไปจะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมองว่าในปี 2568 จะเห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน

บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ระบุว่า แม้ว่าตลาดยังกังวลต่อภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ US ISM ภาคบริการล่าสุดกลับมาขยายตัวมากกว่าคาด สู่ระดับ 51.4 จุด จากเดือน มิ.ย. ที่หดตัวสู่ 48.8 จุด และสูงกว่าตลาดคาดที่ 51.0 จุด ซึ่งเป็นปัจจัยที่น่าจะเข้ามาช่วยผ่อนคลายเพิ่มเติม โดยส่งผลให้ VIX ปิดย่อลงมาที่ 38.57 จุด ผสานกับตลาด US Future เริ่มฟื้นตัว รวมถึงค่าเงินเยนเริ่มกลับมาอ่อนค่า คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้ด้วยเช่นกัน

ทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค 7 แห่ง ปิดแดนบวก

ดัชนี Shanghai Composite (SSEC) ตลาดหุ้นเซียงไฮ้ ดัชนีปิดอยู่ที่ระดับ 2,867.28 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.59 จุด เปลี่ยนแปลง 0.23% จากปิดตลาดครั้งก่อนที่ 2,860.7 จุด ระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 2,888.20 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 2,845.33 จุด

ดัชนี Taiwan Weighted (TWII) ตลาดหุ้นไต้หวัน ดัชนีปิดอยู่ที่ระดับ 20,501 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 670.14 จุด เปลี่ยนแปลง 3.38% จากปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ 19,830.88 จุด ระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 20,751.50 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 19,662.74 จุด

ดัชนี Nikkei 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนีปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 34,260.00 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3,182.00 จุด เปลี่ยนแปลง 10.24% จากปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ 34,260 จุด ระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 34,924.50 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 33,268.00 จุด

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นโซล เกาหลีใต้ ดัชนีปิดอยู่ที่ระดับ 2,522.15 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 80.60 จุด เปลี่ยนแปลง 3.30% จากปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ 2,441.55 จุด ระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 2,578.77 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 2,491.47 จุด

ดัชนี Malaysia KLCI (KLSE) ตลาดหุ้นมาเลเซีย ดัชนีปิดอยู่ที่ระดับ 1,574.39 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 37.91 จุด เปลี่ยนแปลง 2.47% จากปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ 1,536.48 จุด ระหว่างวันดัชนี้ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,574.39 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,529.09 จุด

ดัชนี Jakarta Stock Exchange Composite (JKSE) ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ดัชนีปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 7,151.04 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 91.39 จุด เปลี่ยนแปลง 1.29% จากปิดตลาดครั้งก่อน 7,059.65 จุด ระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 7,167.26 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 7,066.50 จุด 

ดัชนี VN Index (VNI) ตลาดหุ้นเวียดนาม ดัชนีปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,210.28 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.21 จุด เปลี่ยนแปลง 1.87% จากปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ 1,188.07 จุด ระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,213.35 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,186.74 จุด

4 ตลาดหุ้นในภูมิภาคปิดแดนลบ

ดัชนี Hang Seng (HSI) ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีปิดอยู่ที่ระดับ 16,647.34 จุด ปรับตัวลดลง 51.02 จุด เปลี่ยนแปลง 0.31% จากปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ 16,647.34 จุด ระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 16,908.97 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 16,611.14 จุด

ดัชนี Straits Times Singapore (STI) ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดัชนีปิดอยู่ที่ระดับ 3,208.29 จุด ปรับตัวลดลง 35.38 จุด เปลี่ยนแปลง 1.09% จากปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ 3,243.67 จุด ระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 3,274.12 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 3,203.54 จุด

ดัชนี PSEi Composite (PSI) ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ดัชนีปิดอยู่ที่ระดับ 6,433.24 จุด ปรับตัวลดลง 1.49 จุด เปลี่ยนแปลง 0.02% จากปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ 6,434.73 จุด ระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 6,512.47 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 6,433.24 จุด

ดัชนี BSE Sensex 30 (BSESN) ตลาดหุ้นอินเดีย ดัชนีปิดอยู่ที่ระดับ 78,593.07 จุด ปรับตัวลดลง 166.33 จุด เปลี่ยนแปลง 0.21% จากปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ 78,759.4 จุด ระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 79,852.08 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 78,496.57 จุด