ตลาดหุ้นไทย 14ส.ค.67 เช้าบวก-บ่ายผันผวน ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตา นายกฯ เศรษฐา

14 ส.ค. 2567 | 04:43 น.
อัพเดตล่าสุด :14 ส.ค. 2567 | 07:02 น.

โบรกมองตลาดหุ้นไทยภาคเช้าเปิดบวกทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย หลังตัวเลข PPI สหรัฐฯต่ำกว่าคาด มีความหวังเฟดลดดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายผันผวนเชิงลบ ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตา นายกฯ เศรษฐา วางกรอบดัชนี 1290-1310 จุด

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยภาคเช้าวันนี้ 14 ส.ค.2567 ณ เวลา 11.35 น. ดัชนียืนแดนบวกที่ระดับ 1,305.08 จุด เพิ่มขึ้น 7.29 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.56% โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 13,101.96 ล้านบาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า แนวโน้มความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ 14 ส.ค.2567 คาดว่ามีความผันผวนในขาขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ตอบรับกับดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาด สะท้อนถึงโอกาสที่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. มากขึ้น ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจลดลง 0.25% หรือ 0.5% 

ทั้งนี้ แม้ว่าช่วงเช้าจะปรับตัวขึ้นได้แต่ช่วงบ่ายมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนเชิงลบ โดยมีปัจจัยกดดันจากการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคุณสมบัติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หากคำตัดสินให้ดำรงตำแหน่งได้ต่อจะเป็นปัจจัยหนุน SET บวกต่อได้ แต่หากตัดสินให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คาด SET อาจมีแรงตกใจและตอบรับเชิงลบจากความกังวลการกระตุ้นเศรษฐในระยะถัดไปอาจมีความล่าช้า

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าพรรคการเมืองร่วมจะสามารถมารับไม้ต่อและเดินหน้านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนต่อไปได้ ดังนั้น ภาพของการชะลอการลงทุนนั้นอาจไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่กังวล

สำหรับกรอบความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ให้แนวรับไว้ที่ 1,290 จุด และ แนวต้าน 1,310 จุด

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำสะสมหุ้นกลุ่มที่มีสตอรี่เกี่ยวกับกองทุนวายุภักษ์ อาทิ หุ้นกลุ่มสื่อสาร แนะนำ ADVANC ผลงานไตรมาส 2/2567 ออกมาดี และในช่วงครึ่งหลังปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง, หุ้นกลุ่มค้าปลีก แนะนำ CPALL ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ได้รับอานิสงส์ดิจิทัลวอลเล็ต การฟื้นตัวเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวขยายตัว

ในขณะที่การลงทุนระยะยาว มองว่าหุ้นกลุ่ม Health care มีความน่าสนใจ แนะนำ BDMS

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เผยว่า SET Index คาดวันนี้แกว่งผันผวนสูงตามผลของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีนายกฯเศรษฐา ประเมินในกรณีที่ผลเป็นบวกกับนายกฯ SET Index จะปรับขึ้นไปที่บริเวณ 1310/1320 จุด ในทางตรงกันข้ามหากผลออกมาเป็นลบ คาด SET Index อาจย่อตัวลงมาบ้างบริเวณ 1280+/-

แต่มองเป็นจังหวะซื้อจากประเด็นการเมืองระยะถัดไปที่จะมีความชัดเจนขึ้น ด้านการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ รวมถึงงบประมาณปี 2568 จะไม่สะดุด เนื่องจากคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการเลือกนายกฯและการจัดตั้ง ครม. ใหม่ ซึ่งน่าจะมาจากขั้วรัฐบาลเดิม กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโต CPALL TTB

วานนี้คลังเปิดเผยรายละเอียดกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งคาดเสนอขายในช่วง 1-1.5 แสนล้านบาท ระยะเวลาลงทุนเบื้องต้น 10 ปี เน้นลงทุนบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ โดยจะการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำและมีการคุ้มครองเงินลงทุนผ่านกลไก Waterfall (รายละเอียดเปิดเผยต่อไป) คาดว่าจะเริ่มเปิดขายช่วงกลาง-ปลาย ก.ย.

ประเมินเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์จะเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อน SET Index ในช่วงไตรมาส 4/2567 ขณะที่หุ้นที่คาดว่าเป็นเป้าหมายของกองทุนวายุภักษ์ใหม่ทางฝ่ายให้น้ำหนักไปที่หุ้นที่ Dividend Yield สูง , ESG สูงและกองวายุภักษ์เดิมเคยลงทุน อาทิ PTT TTB KTB SCB BCP SCCC และ ADVANC เป็นต้น

สภาพแวดล้อมต่างประเทศยังเป็นบวกกับสินทรัพย์เสี่ยงหลังการรายงานดัชนี PPI สหรัฐฯเดือน ก.ค. ขยายตัว 2.2% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ต่ำคาดและต่ำเดือนก่อน 2.3%/2.6% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ทำให้ตลาดเชื่อว่า FED จะลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย. ด้วยโอกาส 100% หนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯบวกในช่วง 1-2.4% ส่วนวันนี้ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.ค. คาด +3% จากเทียบช่วงเดียสกันในปีก่อน