ตลาดหุ้นไทยร่วง 10 จุด หลังศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง "เศรษฐา" ยุติหน้าที่นายกฯ

14 ส.ค. 2567 | 10:14 น.
อัพเดตล่าสุด :14 ส.ค. 2567 | 10:14 น.

ตลาดหุ้นไทยล่วง 14.66 จุด หลังจากที่มีการประกาศคำตัดสินของ ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งปลด นาย"เศรษฐา" และคณะฯ ปิดตลาดวันนี้ 14 ส.ค.67 ที่ระดับ 1,292.69 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 5.33 หมื่นล้าน

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทย วันนี้ 14 ส.ค.67 ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,292.69 จุด ลดลง 5.10 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.39% จากเปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,297.79 จุด โดยระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,306.88 จุด และย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,280.99 จุด มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 53,352.88 ล้านบาท

ทั้งนี้ หลังจากที่มีการประกาศคำตัดสินของ ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งปลด นาย"เศรษฐา" และคณะฯ ดัชนีตลาดหุ้นไทย เวลา 15.35 น. ร่วงลงมาอยู่ที่ 1,283.13 จุด ลดลง 14.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 1.13% ในทันที

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการณผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายที่มีการปรับตัวลดลงไปกว่า 10 จุด ซึ่งเป็นแรงตกใจที่เกิดจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่ง พร้อมคณะรัฐมนตรีทั้งชุด

โดยคำตัดสินดังกล่าวมีผลเป็นลบต่อตลาดหุ้นไทยเพราะคนไม่มีความมั่นใจว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการเดินหน้าลงทุนโครงการต่างๆ ภายใต้รัฐบาลชุดนี้ จะมีโครงการไหนได้ไปต่อ และโครงการใดอาจต้อยุติลง โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นเหมือนความหวัง และเป็นนโยบายหลักในการใช้หาเสียงของรัฐบาลชุดนี้

มองว่าหากพรรคเพื่อไทยยังคงเป็นแกนนำรัฐบาลต่อไป อย่างมากนโยบายการลงทุนต่างๆ รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอาจเพียงแค่ชะลอตัวออกไปเท่านั้น แต่จะไม่ยกเลิกนโยบายต่างๆ ทั้งการลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพียงแต่การชะลอตัวจะสิ้นสุดลงเมื่อสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ หากว่าพรรคเพื่อไทยยังเป็นแกนนำรัฐบาลต่อไปเชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงเดินหน้าผลักดันโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้นต่อไป

และยิ่งหากว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งแทนมีการยืนยันเดินหน้าสานต่อโครงการลงทุนเดิม ตลาดหุ้นไทยก็จะมีคลายความกังวล ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าว แน่นอนว่าส่งผลกระทบทางตรงกับกลุ่มหุ้นค้าปลีก เนื่องจากก่อนหน้านี้คนมีความหวังจากการได้รับอานิสงส์เงินดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้ระยะนี้อาจมีแรงขายตอบรับข่าวเชิงลบ

อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้ว่าจะไม่มีเงินดิจิทัลวอลเล็ต ผลประกอบการในไตรมาส 2/2567 ออกมาค่อนข้างดี อีกทั้งในช่วงครึ่งหลังปีเป็นไฮซีซันของธุรกิจ ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาดีกว่าเมื่อเทียบกับทั้งครึ่งแรกปี และเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยยังคงแนะนำ CPALL และ TNP ช่วงที่ราคาอ่อนตัวเป็นจังหวะซื้อสะสม

อย่างไรก็ตาม มองว่า Downside ดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้คงไม่ต่ำกว่า 1,250-1,280 จุด 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยอยู่บนความคาดหวังกับเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่ง จึงมีแรงตกใจทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวไปอยู่ในแดนลบ หลังจากที่นับตั้งแต่เปิดตลาดซื้อขายวันนี้ 14 ส.ค.67 อยู่แดนบวกกรอบแคบๆ มาตลอดเกือบทั้งวัน

แม้ว่า นายเศรษฐา จะหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไป แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ได้ล่มสลายหายไป ในระหว่างนี้ก็อาจมีการหาผู้รักษาการนายกฯ แทนไปก่อน โดยหากว่า เเพทองธาร ชินวัตร หรือ "อุ๊งอิ๊ง" รับไม้ต่อ ขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกฯ แน่นอนว่าความวิตกกังวลต่อการยุตินโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็จะหมดไป

ในทางกลับกันหากว่า "อุ๊งอิ๊ง" ปฎิเสธการขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกฯ คนก็กังวลกันว่าอาจเป็นคนอื่นที่เคยนั่งในรัฐบาลชุดก่อนขึ้นมาแทน อย่างไรก็ดี เชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็อาจมาไม่ทันในช่วงปลายปี 2567 นี้ และอาจไปเริ่มที่ช่วงต้นปี 2568 เพราะต้องผ่าน ครม. ชุดใหม่ เห็นชอบ

สำหรับหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ก่อนหน้านี้ได้หน้ากันไปมาจากการได้รับอานิสงส์ดิจิทัลวอลเล็ต แน่นอนว่าเมื่อมีข่าวเชิงลบที่กดดันต่อโอกาสเกิดขึ้นของนโยบายการลงทุนรัฐบาลชุดนี้ อาจทำให้เกิดแรงขายหุ้นกลุ่มค้าปลีกออกมา แต่เชื่อว่าโอกาสการเกิดของโปรเจ็กต์นี้มีมากกว่า 65% ดังนั้นแล้วค้าปลีกยังไม่ล่มสลายแน่

แต่อย่างไรก็ดี หากคิดในทางกลับกัน โครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่เกิด หนี้สาธารณะก็จะไม่เพิ่ม เงินที่กู้มาก่อนหน้านี้ก็สามารถเอาไปคืน หรือจ่ายดอกเบี้ยหนี้เก่าได้ ค่าเงินบาทจะมีเสถียรภาพมากขึ้น