หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5:4 เสียงให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึง คณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ทั้งคณะ ทำให้จำต้องสิ้นสุดบทบาทการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ด้วยระยะเวลาการทำงานเพียง 358 วัน นับจากวันที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 22 สิงหาคม 2566
ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็สร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดหุ้นไทยในภาคบ่ายของวันนี้ 14 ส.ค. 2567 ไปด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงมีความกังวลต่อผลกระทบต่อนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการลงทุนต่างๆ ของรัฐบาลชุดนี้ ที่อาจมีหลายอุตสาหกรรมได้ผลกระทบไปด้วย ตลอดจนความเชื่อมั่นในการย้ายฐานผลิตเข้ามาลงทุนยังประเทศไทยของชาวต่างชาติร่วมด้วย
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสภาพ ทำให้นายกฯ หลุดจากตำแหน่งไปพร้อมกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมดนั้น ยอมรับว่าก็ตกใจอยู่ไม่น้อย เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง
แต่เชื่อว่าประเด็นดังกล่าวจะไม่ได้มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของชาวต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการพูดคุยกับลูกค้าต่างชาติหลายราย ส่วนใหญ่ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทยอยู่ ในสายตาของนักลงทุนต่างชาติมองว่า ไม่ว่าจะรัฐบาลชุดไหนขึ้นมาบริหารประเทศก็ล้วนให้ความสำคัญกับการลงทุนของต่างชาติ และให้การสนับสนุนที่ดีมาโดยตลอด
ดังนั้นแล้วจึงไม่มีความกังวลใจแต่อย่างใด อีกทั้งนโยบายและสิทธิพิเศษจากการลงทุนต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ได้มีประกาศใช้อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ทำให้ในสายตาต่างชาติไม่มีความกังวลใจเลย
ในทางกลับกันส่วนตัวแล้วมองว่าประเด็นนี้อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศมากกว่า ห่วงปากท้องของชาวบ้าน เศรษฐกิจไม่ดี หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ธุรกิจรายใหญ่ขาดสภาพคล่อง สถาบันการเงินก็เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อใหม่ การลงทุนโครงการต่างๆ ของรัฐบาลที่เคยเน้นย้ำว่าต้องเกิดอาจต้องชะลอตัวไป งบประมาณปี 2567 สะดุด มันส่งผลกระทบในวงกว้าง
แต่เชื่อว่าคงไม่ลากยาวไปจนถึงขั้นเกิดสูญญากาศทางการเมือง ในระหว่างนี้ก็มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีแทน ในช่วงระหว่างรอการฟอร์มทีมรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมา
สำหรับแนวโน้มธุรกิจและผลการดำเนินงานของ WHA ในช่วงไตรมาส 3/2567 นั้น มองว่ายอดขายที่ดินนิคมฯ ในประเทศไทยมีลุ้นที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายที่ดินมากกว่า 300-400 ไร่ กับลูกค้าต่างชาติรายใหม่ ขณะนี้เหลือเพียงการปรับรายละเอียดในข้อตกลงเพียงเล็กน้อย
หากว่าการเซ็นสัญญาซื้อขายในครั้งนี้แล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 3/2567 บริษัทก็อาจมีการพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดินในปี 2567 นี้ใหม่ จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ไม่น้อยกว่า 2,275 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายนิคมฯในประเทศไทย จำนวน 1,650 ไร่ และนิคมฯ ในประเทศเวียดนามราว 625 ไร่ ขณะที่ประเทศเวียดนาม ปัจจุบันลูกค้ายังชะลอการลงทุน เพราะต้องรอดูว่าใครจะได้ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ