ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 15 ส.ค.2567 เปิดตลาดภาคเช้า ฯ เวลา 12.10 น. อยู่ที่ระดับ 1,284.04 จุด ลดลง 8.65 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.67% ในระหว่างเปิดการซื้อขายในภาคเช้าดัชนีวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,293.10 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,279.34 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้นที่ระดับ 19,935.65 ล้านบาท
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการณผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บรรยากาศในการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ 15 ส.ค.2567 มองว่าดัชนีจะแกว่งตัวในแดนลบ โดยแรงกดดันมาจากกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ทั้งที่อิงกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตทางตรงและทางอ้อม อาทิ CRC CPAXT CPALL OSP SAPPE CBG เป็นต้น
เนื่องจากความกังวลใจต่อโอกาสการถูกยกเลิกโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหากว่ารัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ทำให้การอัดฉีดเม็ดเงิน การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่างๆ ที่เคยวางไว้ก่อนหน้าจะหายไป ซึ่งการเลือกตัวผู้นำคนใหม่มาแทนที่นายเศรษฐา ทวีสิน ในตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ต้องรอผลการประชุมในวันที่ 16 ส.ค.2567
ส่งผลให้ในวันนี้มองบรรยากาศการลงทุนจะซึมตัวลง ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ จะเห็นได้ว่าหลังจากการเปิดทำการซื้อขายในภาคเช้าวันนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาเกือบ 10 จุด และคาดว่าน่าจะเห็นภาพเช่นนี้ไปตลอดทั้งวัน จนกว่าจะมีความชัดเจนทาางการเมือง
อีกทั้ง ในวันนี้ยังเป็นวันสุดท้ายของการประกาศงบผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) คาดว่าจะมีอีกหลาย บจ. ทยอยเปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 และครึ่งแรกปี 2567 สำหรับกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์นั้น ยังคงเหลือเวลาอีก 2 สัมดาห์ถึงจะสิ้นสุดวันประกาศงบ แต่ก็คาดว่าเป็นส่วนน้อบแล้วที่ยังไม่เปิดเผยงบ ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันตลาดหุ้นไทยวันนี้อีกทางหนึ่ง
ขณะที่กระแสเงินลงทุนของต่างชาติ (Fund flow) นั้น แม้ว่าวานนี้ (14 ส.ค.2567) จะเห็นแรงซื้อสุทธิอ่อนๆ ที่ประมาณ 440 ล้านบาท แต่ไม่ได้สะท้อนว่าต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทย เพราะการประกาศผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดบทบาทลง
เนื่องจากข่าวฝั่งต่างประเทศอาจยังไม่อัพเดท แต่ในวันนี้จะได้เห็นภาพจริงว่าต่างชาติกังวลหรือไม่ อย่างไรก็ดี มองว่าการลงทุนของต่างชาติยังมีทางเลือกอื่น มีหลายประเทศที่เข้าใจได้ง่าย และปัญหาทางการเมืองไม่มีความซับซ้อนเท่ากับไทย ดังนั้น จึงมองว่าแรงการซื้ออาจมีน้อย และไม่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในช่วงตลาดซึมตัวลง
ทั้งนี้ ทางฝ่ายประเมินว่ากรอบดัชนีในวันนี้ Downside มีค่อนข้างจำกัด โดยคาดกรอบแนวรับไว้ที่ระดับ 1280-1275 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1292 จุด สะท้อนถึงความกังวลใจต่อการเมือง ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนนั้น ภาพรวมแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะมีผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มค้าปลีก ทำให้กดดันต่อราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าว แต่มองว่า CPALL ยังคงมีความน่าสนใจ ด้วยอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปี 2567 ที่ทำได้กว่า 30-40% และมีแนวโน้มว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้ยังคงมีความแข็งแกร่งต่อเนื่องแม้ไม่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จึงมองว่าในจังหวะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อสะสม
นอกจากนี้ อีกกลุ่มที่มีความน่าสนใจ คือ กลุ่มสาธารณูปโภค โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่อยู่ใน SET 50 ที่แย่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน อาทิ RATCH และ EGCO ด้วย Valuation ที่ไม่แพง P/E อยู่ที่ 7 เท่า และให้ปันผลถึง 10% ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน