BANPU ชี้ครึ่งปีหลังไฮซีซัน ดีมานด์ก๊าซ-ถ่านหินพุ่ง พร้อมชิงเค้กขายไฟรัฐ

15 ส.ค. 2567 | 11:39 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2567 | 11:46 น.

"สินนท์ ว่องกุศลกิจ" คาด EBITDA ครึ่งหลังปี 67 ทำได้ไม่ต่ำกว่า 650 ล้านดอลลาร์ ธุรกิจถ่านหิน-ก๊าซ เข้าไฮซีซัน ฤดูหนาวหนุนดีมานด์พุ่ง ราคาขายขาขึ้น แย้มความสนใจเข้าชิงขายไฟภาครัฐรอบใหม่ 3,000 เมกะวัตต์

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ว่า EBITDA ในช่วงครึ่งหลังปี 2567 นี้ จะทำได้ใกล้เคียงกับครึ่งแรกปี ที่ทำได้อยู่ที่ 650 ล้านเหรียญฯ จากการควบคุมต้นทุนได้ดีต่อเนื่อง 

แนวโน้มแต่ละธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2567 นั้น เริ่มที่ ธุรกิจถ่านหิน จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ซึ่งฤดูหนาวจะส่งผลให้ความต้องการใช้ถ่านหินมีมากขึ้น ขณะเดียวกันที่ราคาถ่านหินก็เริ่มเห็นสัญญาณขยับขึ้นได้บ้างแล้ว จากครึ่งปีแรกสามารถทำราคาขายถ่านหินเฉลี่ยอยู่ที่ 94 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU

ทั้งนี้ ด้วยเทรนด์ราคาที่ขยับขึ้น บวกกับการควบคุมบริหารจัดการต้นทุนราคาได้ดีต่อเนื่อง ส่งผลให้คาดว่าจะเป็นแรงหนุนให้ธุรกิจถ่านหินอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายยอดขายถ่านหินไว้ที่ไม่น้อยกว่า 40.8 ล้านตัน แบ่งเป็น ประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 26 ล้านตัน, ออสเตรเลีย จำนวน 8.8 ล้านตัน และจีน จำนวน 6 ล้านตัน เป็นต้น

ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ในช่วงที่ผ่านมาปริมาณซัพพลายลดลง จากผู้ผลิตหลายรายในสหรัฐฯ ประกาศชะลอการลงทุน ทำให้พยุงราคาก๊าซฯ ขึ้นมาได้บ้างเล็กน้อย ขณะที่ครึ่งหลังปี 2567 นี้ มองว่ายังคงมีการชะลอลงทุนอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อราคาก๊าซฯ และ Storage คาดจะลดลงในเดือนต.ค. รวมถึงไตรมาส 4/2567 เข้าสู่ฤดูหนาว ช่วยหนุนราคาก๊าซปรับตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง จากปัจจุบันราคาก๊าซเฉลี่ยอยู่ที่ 2 เหรียญต่อล้านบีทียู 

ทั้งนี้ บริษัทย่อย BKV Corporation (BKV) ได้ลงนามในข้อตกลงซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่มีคาร์บอนเป็นกลางกับ ENGIE Energy Marketing NA, Inc. และ Kiewit Infrastructure South Co. โดยคาร์บอนเครดิตที่ได้มาพร้อมกับก๊าซธรรมชาติ ที่มีคาร์บอนเป็นกลางของ BKV มาจากการดำเนินโครงการ CCUS และเมื่อได้รับการรับรองจาก American Carbon Registry แล้ว คาดว่าจะสามารถส่งมอบก๊าซดังกล่าวได้ภายในสิ้นปี 2567 

ด้านธุรกิจผลิตไฟฟ้า บริษัทยังคงมีความสนใจเข้าประมูลขายไฟรอบใหม่ 3,000 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของหน่วยงานภาครัฐ ว่าจะให้ยื่นเอกสารได้เมื่อไหร่ นอกจากนี้ยังมีความสนใจการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct PPA) นำร่อง 2,000 เมกะวัตต์ด้วย

แถลงข่าวบ้านปู นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU

โดย BANPU ถือว่ามีความพร้อมในหลายๆ ด้าน ทั้งพื้นที่ และเงินทุน สำหรับงบประมาณที่ใช้รองรับการลงทุนปี 2567 นี้ วางไว้ที่ประมาณ 350 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งสัดส่วนออกเป็น เพื่อรองรับธุรกิจก๊าซฯ 50% และพลังงานทดแทน 50% เป็นต้น 

ความคืบหน้าแผนการนำบริษัทย่อย BKV Corporation (BKV) ผู้ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์คนั้น ปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมอย่างมาก แต่ตอนนี้ยังไม่รีบร้อย เนื่องจากอยากรอดูสถานการณ์ต่างๆ ให้นิ่งกว่านี้เสียก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก BANPU ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน มุ่งควบคุมประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด โดยตั้งเป้าลดต้นทุนในธุรกิจเหมืองที่ 1.5 - 3.0 เหรียญสหรัฐต่อตัน และในธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่ 0.06 - 0.07 เหรียญสหรัฐต่อพันลูกบาศก์ฟุต
  2. กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ยังคงสร้างผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ II ในสหรัฐฯ มีรายได้จากการขายไฟฟ้า 288 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นจากการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple II ในช่วงไตรมาส 3/2566 สำหรับธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และออสเตรเลีย ยังสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ
  3. กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ในครึ่งแรกของปี 2567 ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ได้ลงนามสัญญาใหม่เพื่อผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับพันธมิตรในประเทศไทยในหลากหลายอุตสาหกรรม กำลังผลิตรวม 1.9 เมกะวัตต์ และมีกำลังผลิตที่ดำเนินการแล้วเพิ่มขึ้น 4.1 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 100 เมกะวัตต์
  • ขณะที่มีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop PPA) ในอินโดนีเซีย จำนวน 10 เมกะวัตต์ ธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน เริ่มเดินหน้าสายการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของโรงงาน SVOLT Thailand และส่งมอบแบตเตอรี่ลิเธียมนิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ออกไซด์ (NMC) ชุดแรกให้กับผู้ให้บริการรถบัสรายใหญ่ที่สุดในไทย
  • ในส่วนการก่อสร้างโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มอิวาเตะ โตโนะ (Iwate Tono) ในญี่ปุ่น มีความคืบหน้าตามแผนถึง 97% 
  • ธุรกิจอีโมบิลิตี้ รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า MuvMi ได้เข้าร่วมโครงการเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะด้วยเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและเดินหน้าขยายเส้นทางการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้ให้บริการรับส่งแล้วมากกว่า 13 ล้านเที่ยว 
  • ธุรกิจการบริหารจัดการพลังงาน เดินหน้าเพื่อการขยายระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางในเฟส 2 ของศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซนซี และยังได้ลงนามในสัญญาบริการจำนวน 25 สัญญาให้แก่ SB Design Square ในจังหวัดภูเก็ตด้วย นอกจากนั้น หน่วยงาน Corporate Venture Capital ยังได้เข้าลงทุนใน enspired ผู้นำในการพัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการซื้อ-ขายพลังงานไฟฟ้า เป็นระบบข้อมูลที่มีการซื้อ-ขายเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มและระบบอัตโนมัติที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับการดำเนินงานในธุรกิจแบตเตอรี่และการซื้อขายพลังงานของบ้านปู เน็กซ์

“ด้วยพอร์ตพลังงานที่ครบวงจรและผสมผสานทั้งพลังงานรูปแบบดั้งเดิมและรูปแบบใหม่อย่างสมดุลของบ้านปูในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เราตั้งเป้าให้แต่ละกลุ่มธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้อย่างแข็งแกร่งเพื่อผลตอบแทนที่มั่นคง สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียและร่วมขับเคลื่อนโลกให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน” นายสินนท์ กล่าว