บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาในที่สุด SET Index ก็กลับมาแกว่งตัวในแดนบวก ดัชนีกลับมายืนที่แนวต้าน 1,300 จุดได้ แรงหนุนหลักจากความชัดเจนทางการเมืองที่จะถูกปลดล็อค
โดยเมื่อวันศูกร์ที่ 16 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ผลโหวตให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนใหม่ พร้อมกับจับขั้วกับพรรคร่วมเดิมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ทำให้มองว่ากระบวนการต่อจากนี้จะเป็นการจัดตั้ง ครม. ซึ่งอิงรอบรัฐบาลก่อนใช้เวลาราว 3 สัปดาห์
ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ดำเนินต่อโดยเฉพาะนโยบายตลาดทุนทั้งกองทุน TESG และการจัดตั้งวายุภักษ์ มีเพียงนโยบาย Digital Wallet ที่คงต้องติดตามท่าทีจากรัฐบาลใหม่ว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป ส่งผลสูญญากาศทางการเมืองช่วงสั้นมากๆ
ส่งผลให้นโยบายต่างๆ ยังถูกขับเคลื่อนได้ต่อ การพิจารณางบประมาณปี 2568 จะไม่ล่าช้า ภายใต้ความคืบหน้าข้างต้นจะเป็นปัจจัยบวก ต่อ SET Index โดยทางฝ่ายมองกลุ่มที่ปรับขึ้นได้ดี ประกอบด้วย
ด้านปัจจัยต่างประเทศเป็นในทางบวกจากการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. ขยายตัว 1% ดีกว่าตลาดคาด 0.4% และรายงาน Initial Jobless Claim ที่เพิ่มขึ้น 2.27 แสนตำแหน่งต่ำกว่าตลาดคาด 2.35 แสนตำแหน่ง ทำให้ความกังวลต่อ U.S. Recession ลดลดลงหนุนต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังบ่งชี้ภาคการผลิตที่อ่อนแอ สวนทางกับการบริโภคเอกชน โดยตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ สะท้อนภาพที่คล้ายกับเดือนที่ผ่านมา ภาคการผลิตยังอ่อนแอ ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังแข็งแกร่ง
ปัจจัยภายภายในประเทศโดยเฉพาะในด้านการเมืองน่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นและสร้าง sentiment บวกต่อตลาด ซึ่งคาดว่าจะมีบทสรุป ผสานกับความชัดเจนมาตรการและโครงการภาครัฐน่าจะทำให้ตลาดกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้มองว่าจากนี้ตลาดหุ้นไทยจะมีความผ่อนคลายมากขึ้น บรรยากาศการลงทุนจะไม่คุลมเครือเหมือนที่ผ่านมา