นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนหลังปี 2567 จะมีการเติบโตที่ค่อนข้างโดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 7,273 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
โดยเฉพาะผลการดำเนินงานของ WHA ในช่วงไตรมาส 3/2567 นั้น มองว่ายอดขายที่ดินนิคมฯ ในประเทศไทยมีลุ้นที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายที่ดินมากกว่า 300-400 ไร่ กับลูกค้าต่างชาติรายใหม่ ซึ่งในตอนนี้เหลือเพียงการปรับรายละเอียดในข้อตกลงเพียงเล็กน้อย
หากว่าการเซ็นสัญญาซื้อขายในครั้งนี้แล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 3/2567 บริษัทก็อาจมีการพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดินในปี 2567 นี้ใหม่ ทั้งนี้ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมียอดขายที่ดินรวม 1,042 ไร่ แบ่งเป็นในไทย จำนวน 979 ไร่ และเวียดนาม จำนวน 63 ไร่ และมียอดเซ็น MOU รวม 756 ไร่ ประกอบด้วยไทย จำนวน 714 ไร่ และเวียดนาม จำนวน 43 ไร่
อีกทั้งบริษัทยังมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้ากว่า 879 ไร่ แบ่งเป็นที่ดินในไทย จำนวน 871 ไร่ และในเวียดนาม จำนวน 8 ไร่
โดยที่เดิมทีบริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งปี 2567 ไว้ที่ไม่น้อยกว่า 2,275 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายนิคมฯ ในประเทศไทย จำนวน 1,650 ไร่ และนิคมฯ ในประเทศเวียดนามราว 625 ไร่ ขณะที่แนวโน้มยอดขายที่ดินในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันลูกค้ายังชะลอการลงทุน เพราะต้องรอดูว่าใครจะได้ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนามทั้งหมด 77,600 ไร่ โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย จำนวน 12 แห่ง และยังมีโครงการขยาย/พัฒนานิคมฯ ใหม่ 7 โครงการ บนพื้นที่รวมกว่า 9,430 ไร่ ส่งผลให้บริษัทจะมีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,650 ไร่ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (3,400 ไร่) ซึ่งอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในไตรมาส 1/2568 และมีพื้นที่พร้อมขายภายในไตรมาส 2/2568
สำหรับประเทศเวียดนาม บริษัทมีการเปิดดำเนินการเขตอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งมีพื้นที่ในการพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน เฟส 1A/1B
และเฟส 2 พื้นที่รวม 1,600 ไร่ (250 เฮกตาร์) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตสำหรับโครงการสำหรับเฟส 1A/1B พื้นที่ 1,200 ไร่ (189 เฮกตาร์) ภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam เป็นพื้นที่รวมกว่า 9,690 ไร่ (1,550 เฮกตาร์)
"ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ในปี 67 มีทิศทางที่ค่อนข้างดี เราได้รับอานิสงส์จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้เกิดกระแสการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตมายังไทยมากขึ้น ประกอบกับราคาขายที่ดินเฉลี่ยที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยภายในสิ้นปีนี้ เราคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินได้มากกว่าเป้าหมายการขายที่ดินที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี 67 ที่จำนวน 2,275 ไร่ และอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการปรับเป้าหมายการขายที่ดินของปีนี้ใหม่ ซึ่งจะประกาศออกมาในเร็วๆ นี้"นางสาวจรีพร กล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยประเมินว่า WHA ยังคงมีความสามารถในการทำกำไรจากการขายที่ดิน ในระดับสูง โดยได้อานิงสงส์จากการปรับราคาขายที่ดินเพิ่มขึ้นราวๆ 20% เทียบ กับรายคาขายที่ดินปี 2566 และฝ่ายวิจัยยังมีมองว่า WHA จะสามารถรักษาระดับ gross margin จากการขายที่ดินระดับสูงกว่า 60% ต่อเนื่องได้
เพราะสามารถปรับราคาขายเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าราคาต้นทุนที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้น, แม้รายได้ จะลดลงเนื่องจากยังคงมีการขายและโอนที่ดินจากโครงการ IER ซึ่งบันทึกเป็นส่วน แบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน แต่ฝ่ายวิจัยประเมินว่าไม่กระทบกำไรมากนักเนื่องจาก โครงการดังกล่าวมี gross margin จากการขายที่ดินระดับสูงที่ราวๆ 60 –65%
นอกจากนี้ WHA ยังได้รับค่า management fee เพิ่มเติมอีกราวๆ 7-9% ของยอดขาย ที่ดินโครงการ IER, ด้านเป้าหมายการขายที่ดินปี 2567 มีการปรับเพิ่มอีกครั้ง โดยปรับเพิ่มจาก 2,275 ไร่ (ไทย 1650 ไร่, เวียดนาม 625 ไร่) เป็น 2,400ไร่ (ไทย 2,250 – 2,300ไร่, เวียดนาม 100 - 150ไร่) โดยหนึ่งในนั้นคือที่ดินขนาดใหญ่ (big ticket) ขนาด 400 ไร่จำนวน 1 แปลง
สาเหตุที่เป้าหมายใหม่ปรับเพิ่มไม่มากนักเนื่องจากยอดขายที่ดินจากเวียดนามปรับลดลงอย่างมี นัยสำคัญเพราะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลประกอบกับนักลงทุนยังรอความ ชัดเจนจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงปลายปี นอกจากนี้ ที่ดิน ขนาดใหญ่ (big ticket) เข้ามา1 แปลง จากเดิมที่คาดว่าจะเข้ามา 2 แปลง และที่ดิน ขนาดใหญ่ (big ticket) ขนาด 400ไร่ ที่นับเข้ามาเป็นหนึ่งในยอด pre-sale ที่ปรับเพิ่มนั้น คาดว่าจะโอนในปีหน้าแทน
WHA เปิดตัว"Mobilix" ซึ่งเป็นบริการขนส่งแนวคิด green logistics แห่งแรกใน ประเทศไทย ภายใต้แนวคิด "ขับเคลื่อนความยั่งยืน" โดยมุ่งปฏิวัติการขนส่งด้วย ระบบยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดต้นทุน และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ โดย Mobilix ประกอบด้วยบริการ หลัก 3 ส่วนดังต่อไปนี้
ฝ่ายวิจัยประเมินว่า แม้ ปัจจุบัน กำไรจาก Mobilix ยังเป็นสัดส่วนที่ไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจ อื่นๆ ใน WHA แต่เชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มธุรกิจ WHA ในช่วง 3 ปีหลังจากนี้ เป็นต้นไปเนื่องจากเพิ่มโอกาสสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่จะมีอัตราการเติบโตสูง กว่าบริษัทในอุตสาหกรรมดั้งเดิมรวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้รวดเร็ว ตามความต้องการของตลาด
ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในประเทศจีนเป็นแรงผลักดันให้บริษัทจีนย้ายไปลงทุน ต่างประเทศ โดยประเทศในกลุ่มอาเซียนได้รับประโยชน์จาก trend ดังกล่าว นอกจากนี้ ช่วงปลายปี 2567 จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง จะนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกครั้ง
เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในสมัยแรก ซึ่งจะหนุนให้เกิดให้เกิดการย้ายฐานการผลิตจาก จีนมาสู่ภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัย ที่เกิดขึ้นในระยะสั้น ได้แก่ ยอดขายที่ดินเวียดนามที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับยอดโอนที่ดินแปลงใหญ่400 ไร่ ที่นับเข้ามาเป็นยอด pre-sale ที่เพิ่งปรับเพิ่ม คาดว่าจะต้องโอนในปีหน้าแทน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสม โดยอิง Historical PER 10 ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 20เท่า ได้ราคาเหมาะสม 6.30 บาท แม้ upside เปิดกว้าง 21% แต่ยังให้คำแนะนำเป็น Neutral