"พรอนงค์ บุษราตระกูล" เดินหน้าแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจก.ล.ต.สั่งฟ้องคดี

26 ส.ค. 2567 | 08:34 น.
อัพเดตล่าสุด :26 ส.ค. 2567 | 08:38 น.

"พรอนงค์ บุษราตระกูล" เลขาธิการ ก.ล.ต. เผยเดินหน้าแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจก.ล.ต. สั่งฟ้องลงโทษผู้กระทำผิด ปัจจุบันเรื่องถึงมือกฤฏีการแล้ว

ศาสตราจารย์ ดร. พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่ กรณีการแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจให้ทาง ก.ล.ต. ส่งฟ้องคดีในการลงโทษผู้กระทำผิดนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ได้มีการส่งเรื่องไปถึงกฤฏีการแล้ว

หากว่าผ่านการเห็นชอบก็จะมีการส่งเรื่องกลับมาที่ ก.ล.ต. อีกครั้ง และยื่นเรื่องต่อไปยังกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณา และนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ตามลำดับ แต่จะได้เห็นข้อสรุปได้เร็วมากน้อยแค่ไหนนั้น ในตอนนี้อาจไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน บอกได้เพียงว่าทั้งทาง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำลังเร่งดำเนินการอยู่

ทุกอย่างก็เดินหน้าไปตามขั้นตอนและกระบวนการที่ควรจะเป็น ซึ่งการที่วันนี้ 26 ส.ค. 2567 ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก.ล.ต. และตลท. ได้การลงนามบันทึกความตกลงร่วมกัน เพื่อร่วมมือในการป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ และสนับสนุนให้การดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย

รวมถึงการทำงานร่วมกันของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทยให้พลิกฟื้นกลับมา สะท้อนให้เห็นว่าตลอดช่วงที่ผ่านมาทั้ง 3 หน่วยงานไม่ได้นิ่งนอนใจ และเดินหน้าร่วมมือกันเพื่อวางกรอบกฎหมายให้รัดกุมมากขึ้น เข้มข้นขึ้น และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัดทุกกรณี เพื่อปกป้องนักลงทุน ปลุกฝังธรรมาภิบาลที่ดีให้กับบริษัทจดทะเบียน (บจ.)

ในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงาน ปปง. และตลท. อย่างต่อเนื่อง โดยมีบันทึกข้อตกลงแบบทวิภาคีระหว่าง ก.ล.ต. กับ ปปง. และ ก.ล.ต. กับ ตลท. เพื่อประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการบังคับใช้กฎหมายระหว่างกัน ทั้งนี้ การกระทำความผิดเกี่ยวกับการกระทำไม่เป็นธรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์

ตลอดจนความผิดเกี่ยวกับการยักยอกหรือฉ้อโกงหรือประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือกระทำการทุจริตตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน

จึงคาดหวังว่าการร่วมลงนามในบันทึกความตกลงระหว่าง 3 หน่วยงานในครั้งนี้ จะช่วยให้การป้องปรามและบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น ผ่านความร่วมมือระหว่างกันทั้งด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การประสานงาน และการพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันในกรณีที่จำเป็น รวมทั้งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุน และมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป