NER ราคายางทรงตัว 70 บาท/กก. จ่อส่งออกยาง EUDR หนุนมาร์จิ้น

18 ก.ย. 2567 | 00:00 น.

"ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์" แม่ทัพใหญ่ บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ ชี้ราคายาง 4 เดือนสุดท้ายปีนี้ยืนเหนือระดับ 70บาท/กก. แม้ยอดขายปี 67 ลดลง แต่มั่นใจรายได้ไม่ต่ำกว่า 2.85 หมื่นล้านแน่ ยิ้มดีมานด์ยาง EUDR ดี ให้มาร์จิ้นสูง หนุนบรรทัดสุดท้ายหมดห่วง

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ว่าราคายางพาราในช่วง 4 ที่เหลือของปี 2567 จะอยู่ที่ระดับใกล้เคียง 70 บาท/กิโลกรัม

มองว่าราคายางพาราในระดับดังกล่าวยังคงอยู่ในช่วงราคาที่ดีและมีความเหมาะสม ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าจากผลกระทบปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้ซัพพลายน้ำยางพาราในตลาดปรับตัวลดลง ส่งผลทำให้ยอดขายโดยรวมในปี 2567 อาจมีปริมาณที่ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 4.4 แสนตัน จากเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้กว่า 4.97 แสนตัน

ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีปริมาณการจำหน่ายยางพารารวมอยู่ที่ระดับ 205,071 ตัน แต่บริษัทยังคงมั่นใจว่าการเติบโตของรายได้รวมทั้งปีนี้จะอยู่ที่ระดับมากกว่า 28,500 ล้านบาท ซึ่งยังคงดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 25,057.10 ล้านบาท

ในช่วงที่เหลือของปี 2567 นี้ ยังมีโอกาสที่จะได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ใหม่ๆ จากลูกค้าทั้งในประเทศและโดยเฉพาะต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งตามสถิติในอดีตที่ผ่านมานั้น คำสั่งซื้อใหม่ๆ โดยเฉพาะจากลูกค้าประเทศจีนที่เป็นลักษณะคำสั่งซื้อแบบด่วนเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.

"แนวโน้มผลงานเราในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ มองว่ายังคงมีทิศทางที่ดี อีกทั้งจากการเริ่มจำหน่ายยางพารา EUDR ซึ่งให้มารฺจิ้นที่ค่อนข้างดีกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ยางประเทศอื่นๆ ทำให้เชื่อว่าในช่วงผลบรรทัดล่างในปีนี้ไม่น่าเป็นห่วง และด้วยราคาที่อยู่ในระดับสูงกว่า 70 บาท/กก. ทำให้มั่นใจว่ารายได้จากการจำหน่ายปีนี้เกิน 2.85 หมื่นล้านได้แน่ แม้ว่าปริมาณจำหน่ายยางพาราปีนี้จะลดลงเพราะได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ"

นอกจากนี้ จากปัจจัยยางมาตรฐานสหภาพยุโรป (EU) ที่เริ่มบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EU Deforestation Regulation (EUDR) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยางพาราที่มีมูลค่าเพิ่ม ทำให้มีอัตรากำไรผลิตภัณฑ์ยางพารา EUDR ที่สูงกว่าราคายางทั่วไปประมาณ 7-8 บาท 

โดยผลิตภัณฑ์ยางพารา EUDR ในปัจจุบันได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทำให้มีคำสั่งซื้อในผลิตภัณฑ์ยางดังกล่าวเข้ามา โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่เดือน ก.ย.2567 นี้เป็นต้นไป เบื้องต้นคาดว่าทั้งปี 2567 จำมีปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางพารา ชนิด EUDR ได้ไม่น้อยกว่า 45,000-50,000 ตัน อีกทั้งในช่วงปลายปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีข่าวดีได้รับการเซ็นสัญญาจากลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่ม

ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทวางเป้าหมายปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางพารา EUDR ไว้ที่ประมาณ 100,000 ตัน ในปัจจุบันบริษัทได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจ (Mapping) ยาง EUDR ไปแล้วประมาณ 30,000 ไร่ ซึ่งบริษัทมีแผน Mapping รวมทั้งสิ้นในปี 2567 นี้ ที่ประมาณ 100,000 ไร่ ที่จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นในปีนี้

ด้านสินค้าสำเร็จรูปอย่างแผนปูรองนั้น บริษัทคาดว่ายอดขายในปี 2567 นี้ ประมาณหลัก 10 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขายเพียง 2 ล้านบาท ส่วนทิศทางยอดขายในปี 2568 คาดว่าหากยังสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ยอดขายมีโอกาสแตะระดับ 100 ล้านบาทได้

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันแผนปูรองดังกล่าวปัจจุบันเริ่มจับแนวทางการตลาดได้ และมีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • แผ่นปูรองสำหรับคอกปศุสัตว์ทั้ง วัวเนื้อ วัวนม สุกร สัตว์ปีก
  • สัตว์เลี้ยง ซึ่งปัจจุบันเริ่มทดลองกับสุนัข แมว และม้าที่เริ่มติดตั้งแล้ว
  • แผ่นปูรองเพื่อใช้สำหรับผู้บริโภค เช่น แผ่นปูกันกระแทกเพื่อผู้สูงอายุ แผ่นกันลื่นในโรงอาหาร ห้องครัวต่างๆ

ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายจะเป็นผู้นำด้านแผ่นพื้นทั้งหมด (King of Floor) ในช่วงอีก 5 ปีข้างหน้า