SISB มั่นใจรายได้ปี 67 ทะลุ 2 พันล้าน เนื้อหอมนักเรียนใหม่เรียงคิวเข้าศึกษา

18 ก.ย. 2567 | 23:30 น.

SISB คาดทั้งปี 67 ยอดนักเรียนโตเข้าเป้า 4.6 พันคน มั่นใจรายได้โต 20% จากปีก่อน หรือยืนเหนือ 2 พันล้าน วางงบ 430 ล้าน เพิ่มพื้นที่รองรับการขยายตัวของนักเรียน ด้านโบรกคาดกำไรสุทธิปี 67 ทะยาน 39%

นาย ยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยว่า มองทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 67 ยังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับความสนใจจากทั้งนักเรียนไทยและต่างชาติในการเข้ามาเรียนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังมองการขยายเอเจนซี่ต่างประเทศโดยเฉพาะในมณฑลอื่นๆ ของจีนเพิ่มเติมอีกด้วย

ทั้งนี้ ในปี 67 บริษัทวางเป้าหมายจะมีจำนวนนักเรียนเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 4,600 คน ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีจำนวนนักเรียนรวมอยู่ที่กว่า 4,357 คนแล้ว นอกจากนี้ บริษัทวางตั้งเป้าหมายภายใน 2 ปีต่อจากนี้ (68-69) จะมีจำนวนนักเรียนรวมเพิ่มเป็นมากกว่า 5,000 คน และ 5,400 คน ตามลำดับ

ส่วนแผนการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับนักเรียนใหม่นั้น ประกอบด้วย โครงการย่านประชาอุทิศ (Singapore International Bangkok) ที่อยู่ระหว่างการขยายพื้นที่ใหม่เพิ่มเติม จำนวน 600 ที่นั่ง ในเงินลงทุนราว 200 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1/69 ซึ่งจะขยายไปที่มัธยมปลาย หรือ เกรด 9-12

ขณะที่โครงการย่านธนบุรี (Singapore International School Thonburi) บริษัทวางแผนจะขยายพื้นที่อีกกว่า 900 ที่นั่ง โดยแบ่งออกเป็น 2 เฟส ซึ่งในเฟสแรก จะขยายพื้นที่ราว 300 ที่นั่ง ใช้เงินลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท และเฟสที่ 2 ขยายพื้นที่อีก 600 ที่นั่ง ในเงินลงทุนราว 200 ล้านบาท เป็นต้น

ด้านโครงการที่ระยองนั้น มองว่ายังคงต้องใช้ระยะเวลาในการขยายจำนวนนักเรียนใหม่เพิ่มเติม โดยในปีการศึกษาล่าสุด มีนักเรียนเข้ามาเพิ่มเติมเป็น 156 คน อย่างไรก็ดี จำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะมาจาก สาขานนทบุรี มาเป็นอันดับ 1 เพิ่มขึ้น 52% และ ที่เชียงใหม่ 18% ขณะที่ระยองเพิ่มขึ้น 13% ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานของสาขาระยองจะมีทิศทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในปี 67 บริษัทยังคงมีความมั่นใจว่าการเติบโตของรายได้รวมจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,940.19 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งแรกปีนี้มีรายได้รวมแล้ว 1,150.05 ล้านบาท สำหรับอัตราค่าเทอมในปีนี้บริษัทได้มีการปรับขึ้นประมาณ 5% โดยเป็นไปตามอัตราเงินเฟ้อ เพราะโรงเรียนมีค่าพนักงงาน และส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงค่าครองชีพของบุคลากรด้วย

ปัจจุบันบริษัทมีโรงเรียนรวมทั้งสิ้น 6 แห่ง ประกอบด้วย

  1. Singapore International School of Bangkok
  2. Singapore International School Suvarnbhumi (SV)
  3. Singapore International School Thonburi (TR)
  4. SISB SIRI CO.,LTD
  5. Singapore International School Nonthaburi (NR)
  6. Singapore International School Rayong (RY)

ปี 67 กำไรพุ่ง 40%

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ SISB ว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/67 เติบโตต่อเนื่อง และทางฝ่ายคาดจะสูงสุดในไตรมาส 4/67 จากจำนวนนักเรียนที่ในปัจจุบันใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัทปี 67 นี้ ที่ 4,600 คนแล้ว เพิ่มขึ้นจากต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ถึง 382 คน

แบ่งเป็นสัดส่วนสาขานนทบุรีเพิ่มขึ้น 52%, เชียงใหม่ 18% ตามด้วยระยอง 13% โดยเทอมการศึกษาใหม่เปิดเดือน ส.ค. SISB มีการปรับค่าเทอมเพิ่มขึ้น 5% (ค่าเทอมการปรับระดับชั้นเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7-8%) สำหรับสาขาใหม่ที่เปิดปีที่ผ่านมา คือ นนทบุรี ปัจจุบันมีจำนวนนักเรียน 480 คน และเริ่มทำกำไรตั้งแต่ไตรมาส 4/66 ที่ผ่านมา

และสาขาระยองมีจำนวนนักเรียน 156 คน บริษัทคาดว่าจุดคุ้มประมาณ 1-2 ปี หรือนักเรียนประมาณ 250 คน พร้อมกันนี้ SISB ยังได้มีการติดต่อเอเจนซี่เพื่อนำเสนอการศึกษาสำหรับสาขาระยองให้กับเด็กจีน จากที่ในปัจจุบันที่มีเด็กจีนจำนวนมากที่สาขาประชาอุทิศและเชียงใหม่

ขณะที่ดีลควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) ศูนย์สอนภาษาอังกฤษหยุดไปจากมูลค่าที่สูงเกินไป แต่บริษัทหันมาทำโครงการร่วมกับพาร์ทเนอร์เอง เนื่องจากโรงเรียนเองมีวิชาหลักที่ต้องสอนและเต็มจำนวนคาบเรียน ทำให้บริษัทได้ซื้อระบบการสอนภาษากับทางพาร์ทเนอร์ที่มาเลเซีย ซึ่งมีศูนย์สอนภาษาอังกฤษหลักสูตร UK

อีกทั้งพาร์ทเนอร์รายนี้ยังมีความเชี่ยวชาญเฉพาะและสามารถวัดผลชัดเจนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (tracking system) คาดเริ่ม ต.ค.-พ.ย. นี้ โดยทางโรงเรียนได้มีการติดต่อเด็กที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานภาษาอังกฤษให้กลับมาเรียนปรับพื้นฐานเพื่อทดสอบอีกครั้ง (จำนวนนักเรียนที่โรงเรียนปฏิเสธเป็นระดับปฐมและมัธยมประมาณ 80-100 คน)

ในส่วนอัตราการลาออกของเด็กปีการศึกษา 66/67 มี 11.7% (ปี 64/65 อยู่ที่ 11.1%, ปี 65/66 9.1%) บริษัทไม่ได้กังวลมองเป็นระดับปกติในธุรกิจนี้ ซึ่งสาเหตุการลาออกมาจากการย้ายที่พัก การเดินทาง หรือเรื่องปัญหาการเรียนที่อ่อน (สัดส่วนไทย 57% : ต่างชาติ 47% ของนักเรียนลาออก) โดยผู้บริหารวางเป้าหมายลดจำนวนนักเรียนลาออกจากการแก้ปัญหาการเรียนที่อ่อน

ด้านความคืบหน้าในการขยายสาขาเดิม 1,800 ที่นั่ง สำหรับปี 67/68 ประกอบด้วย

  1. สาขาเชียงใหม่เฟส 2 จำนวน 300 ที่นั่ง เริ่มดำเนินงานแล้ว ก.พ. 67
  2. สาขาประชาอุทิศเฟส 3 จำนวน 600 ที่นั่ง เริ่มเปิดดำเนินงานไตรมาส 1/69 งบลงทุน 200 ล้านบาท ไม่รวมที่ดินและค่าเช่า
  3. สาขาธนบุรี โครงการ 3.1 ขยาย 300 ที่นั่ง ตึกชั้นปฐม เสร็จ ส.ค.67 แล้ว เช่าพื้นที่ 4 ไร่ ใช้งบลงทุน 30 ล้านบาท และโครงการ 3.2 ขยายพื้นที่ 600 ที่นั่ง ซื้อที่ดินรองรับมัธยมปลาย พร้อมให้บริการ ส.ค.68 ลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ไม่รวมที่ดิน (สาขาธนบุรีคาดจะมีการตัดค่าเสื่อมปีละ 12 ล้านบาท)

ปัจจุบัน 4 สาขาเดิมของบริษัทมีอัตราจำนวนนักเรียน 80-90% ขณะที่สาขาใหม่นนทบุรีอยู่ที่ 78% และระยอง 48% (นนทบุรีมีกำไรในไตรมาส 4/66, ระยองยังขาดทุน และคาดปีหน้าจะเริ่มจุดคุ้มทุน

ส่วนนโยบาย ESG นั้น แบ่งเป็น 3 โครงการ ได้แก่

  1. ติดตั้งโซ่ล่าประหยัดพลังงาน เริ่มสาขาธนบุรี ประชาอุทิศ และสำนักงานใหญ่ ติดตั้ง 2.04 เมกกะวัฒน์ ช่วยลด carbon emission ได้ 20%
  2. ติดตั้งระบบ Food Waste จากเศษอาหารที่เหลือทำเป็นปุ๋ยออแกนิกส์ใช้โรงเรียนและให้ผู้ปกครองที่สาขาประชาอุทิศและธนบุรี 450กก./วัน
  3. โครงการทำ CSR การสอนภาษาอังกฤษฟรี โดยเริ่มจากสาขาประชาอุทิศร่วมมือกับเขตวังทองหลางและเขตห้วยขวางประสานงาน 4 โรงเรียน จัดทำการสอนภาษาอังกฤษฟรีเพื่อสังคมปีละประมาณ 100 คน เรียน 10 สัปดาห์ (จากปี 59 ถึงปัจจุบัน นักเรียนในโครงการประมาณ 600 คน) บริษัทตั้งเป้าหมาย 1,200 คน ในปี 71 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างนักเรียน ครู และผู้ปกครอง และมีโครงการจัดการแสดงนักเรียนทุกปี เพื่อนำรายได้ทำการกุศลบริจาคให้กับโรงเรียนศูนย์พิเศษที่จังหวัดนครนายก

ทางฝ่ายคาดแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 จะเพิ่มขึ้นจากฐานนักเรียนใหม่ การเปิดเทอมใหม่ และยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 67-68 เพิ่มขึ้น +39% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และ +25% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ตามลำดับ คาดค่าเทอมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 7% จากการปรับค่าเทอมและโครงสร้างนักเรียนในระดับปฐมและมัธยมที่เพิ่มขึ้นที่มีค่าเทอมสูงกว่าจากการขึ้นระดับชั้นทุก 2 ปี รวมถึงคาดจำนวนนักเรียนปี 67-68 เพิ่มขึ้น 405 คน และ 410 คน ตามลำดับ ในขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่จากบุคลากรครูเป็นหลัก

จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้ทางฝ่ายแนะนำซื้อ จากคาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง จากการเติบโตของโรงเรียนทุกสาขาที่มีทำเลดี และค่าเทอมอยู่ระดับกลางในกลุ่มโรงเรียน Inter Premium รวมถึงมีหลักสูตรสิงคโปร์ 3 ภาษา ที่มีภาษาจีนเพิ่มขึ้นตอบโจทย์ผู้ปกครอง

และบริษัทมีแผนทำโครงการ “Halving Project” เป็นโรงเรียนอินเตอร์ที่มีระดับค่าเทอมที่รองลงมาดึงส่วนแบ่งการตลาดจากนักเรียน 2 ภาษา ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 50 บาท อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8%, T-growth 1.5%) ราคาเป้าหมายเทียบเท่า PEG24F 1.3X, บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ (net cash) ความเสี่ยง : 1) การแข่งขันของโรงเรียนนานาชาติ 2) การขาดแคลนบุคลากร เป็นต้น