"โอ้กะจู๋" กดปุ่มเริ่มเปิดจองซื้อ IPO วันนี้ 23 ก.ย. เป็นวันแรก!

23 ก.ย. 2567 | 00:00 น.
อัพเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2567 | 01:13 น.

"โอ้กะจู๋" กดปุ่มสตาร์ท เปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ OKJ วันนี้ 23 ก.ย. 67 เป็นวันแรก ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 25 ก.ย.นี้ ก่อนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 4 ต.ค.67

เปิดต้นสัปดาห์ "โอ้กะจู๋" บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เริ่มต้นเปิดการจองซื้อหุ้น IPO วันนี้ 23 กันยายน 2567 เป็นวันแรก และต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 25 กันยายน 2567 ก่อนที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ประมาณวันที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้

รายละเอียด IPO "โอ้กะจู๋"

  • กำหนดราคาเสนอขายที่ 6.70 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) 24.13 เท่า
  • เสนอขายหุ้น IPO จำนวน ไม่เกิน 159.0 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 26.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
  • เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ประมาณวันที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้

จองซื้อผ่านโบรกเกอร์ไหน

  • บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO
  • บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO

"โอ้กะจู๋" เริ่มเปิดจงซื้อ 23 ก.ย. 67 เป็วันแรก

นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารยังคงมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ในปัจจุบันเป็นที่นิยมมากขึ้น หลังจากพ้นวิกฤติโรคระบาดที่ผ่านมา พบว่าผู้บริโภคเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และเสริมสุขภาพกันมากขึ้น

มองว่าอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วครั้งชั่วคราวแต่เป็นเมกะเทรนด์ แม้ว่าการแข่งขันในปัจจุบันจะค่อนข้างสูง แต่บริษัทก็มั่นใจในคุณภาพ และความหลากหลายของรายการเมนู สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้อย่างดี

ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมที่ 1,110.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 778.0 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 102.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 73.9 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ในช่วงครึ่งหลังปี 2567 นั้น มองว่าด้วยกระแสการรักสุขภาพยังคงเป็นที่นิยมสำหรับคนหมู่มาก ทำให้ความต้องการบริโภคผักปลอดสารพิษยังคงมีการขยายตัวที่ดี ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้บริษัทจะยังคงสามารถรักษาระดับ SSSG ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ที่เติบโตกว่า 8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน

"ที่ผ่านมาเราได้มีการเดินสายให้ข้อมูลกับทางสถาบันฯ มาบ้างแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด โดยมียอดจองเข้ามาสูงถึง 11 เท่า ที่เราปล่อยจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจเราได้ดี ส่วนการเข้ามาขอ OR เป็นอีกฟันเฟือนสำคัญที่เข้ามาเป็นแรงส่งให้ OKJ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว " นายชลากร กล่าว

วัตถุประสงค์ในการระดมทุนนั้น แบ่งเป็น กว่า 75% จะใช้นำมาขยายสาขาใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงสาขาเดิม โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขา "โอ้กะจู๋" เพิ่มเฉลี่ยปีละ 6-8 สาขา, Ohkajhu Wrap & Roll เพิ่มเฉลี่ยปีละ 5 สาขา และ Oh! Juice เพิ่มเฉลี่ยปีละ 20-25% สาขา ในช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้

ส่วนที่เหลืออีก 25% จะใช้รองรับการพัฒนาเทคโนโลยีในกระบวนการปลูกและผลิตผัก-ผลไม้ รวมถึงการวิจัยและพัฒนา (R&D) ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอด OKJ ในอนาคต

ปัจจุบันบริษัทมีร้านอาหารแบรนด์ “โอ้กะจู๋” จำนวน 36 สาขา, ร้านแบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll ” จำนวน 1 สาขา และ ร้านเครื่องดื่ม “Oh! Juice” จำนวน 6 สาขา

ซึ่งในช่วงครึ่งหลังปี 2567 บริษัทเตรียมขยายสาขา แบรนด์ “โอ้กะจู๋” อีก 6-7 สาขา และแบรนด์ “Oh Juice” ประมาณ 10-15 สาขา ในส่วนของแบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาทำเลที่มีความเหมาะสม โดยคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีการขยายสาขาใหม่อีกประมาณ 2-4 แห่ง ถ้าเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม ภายหลัง IPO ทาง บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด (Modulus) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้น โดยจะซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ร่วมก่อตั้งรวม 31.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.2% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ในราคาเดียวกับราคาเสนอขายหุ้น IPO ในวันแรกที่หุ้น OKJ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 

เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 20% ภายหลังการ IPO และคาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมและตรงกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อวางจำหน่ายในร้าน Café Amazon ตอกย้ำความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง