จากกรณีที่ราคาหุ้น บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 120% ภายในระยะเวลาเพียง 2 วันทำการ หลังจากที่เปิดการซื้อขายในวันที่ 4 ต.ค.67 เป็นวันแรก (First Trading Day) ที่ราคาเปิดตลาด 10.10 บาท เพิ่มขึ้น 3.4 บาท หรือ 50.74% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) ที่ 6.70 บาท และติดตลาดในวันนั้นไปด้วยราคา 12.40 บาท มีมูลค่าซื้อขาย 4,678.91 ล้านบาท
โดยความเคลื่อนไหวราคาหุ้น OKJ ณ เวลา 16.08 น. อยู่ที่ระดับ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท เปลี่ยนแปลง 7.26% และมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้นที่ 1,596.06 ล้านบาท ซึ่งในช่วงระหว่างวันราคาหุ้นโอ้กะจู๋ ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 14.60 บาท เพิ่มขึ้นราว 117% จากราคา IPO
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ หรือ OKJ นั้น ด้วยระยะเวลาเพียง 2 วันที่เปิดทำการ (4 และ 7 ต.ค.67) ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก เชื่อว่าการปรับตัวที่เพิ่มขึ้นสูงขนาดนี้เป็นผลมาจากความคาดหวังของนักลงทุนต่อแนวโน้มธุรกิจของ "โอ้กะจู๋"
ด้วยเพราะเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียง และเป็นที่นิยม มีคนไปรอต่อคิวเพื่อเข้าใช้บริการ คนก็คาดหวังว่าในการเข้ามาระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายสาขาและบริการได้มากขึ้น อีกทั้งแบรนด์ Oh! Juice ที่เพิ่งเปิดตัวไป กำลังเป็นกระแส ก็เหมือนยิ่งใส่แรงคาดหวังเพิ่มเข้าไปมากขึ้นอีก
ทำให้มองว่าราคาหุ้น OKJ ในขณะนี้ ขึ้นแซงหน้าปัจจัยพื้นฐานไปค่อนข้างมากแล้ว และกำลังเล่นอยู่บนความหวังใหม่ เล่นกับสตอรี่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจากนี้ไปผลการดำเนินงานของ OKJ จะดีมากน้อยแค่ไหน แผนการขยายสาขาจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้หรือไม่
การที่นักลงทุนใหม่ที่อาจพลาดโอกาสช่วงจองซื้อราคาไอพีโอที่ 6.70 บาทไป แต่ยังมีความต้องการซื้อลงทุน OKJ อยู่ในตอนนี้นั้น มองว่าหากเข้าไปตอนนี้อาจไม่ใช่จังหวะที่เหมาะเท่าไหร่ และจะเป็นการเสียเปรียบด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาสูง แนะนำให้รอดูไปก่อนจะดีกว่า
ขณะที่นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า หากถามว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคา OKJ จะคล้ายคลึงกับตอน OR หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่เหมือนกัน ด้วยภาพรวมของธุรกิจที่แตกต่างกัน OR เพราะมีธุรกิจน้ำมันที่มีความไม่แน่นอน เป็นปัจจัยที่มากดดันผลการดำเนินงาน
อีกทั้งจากการลงทุนของ OR ในธุรกิจต่างๆ ก็มีการลงทุนที่มาก ในขณะที่ผลตอบแทนที่ได้กลับมาอาจไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดหวังกันไว้ อย่างไรก็ดี อยากให้นักลงทุนมองภาพการลงทุนในระยะกลางและยาว จะดีมากน้อยแค่ไหน เพราะราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังนำหลักทรัพย์เข้าทำการซื้อขายครั้งแรก อาจไม่สามารถเทียบได้
ดังนั้น การปรับตัวที่เพิ่มขึ้นของราคาหุ้น OKJ เป็นผลมาจากเรื่องของดีมานด์และซัพพลายมากกว่า ด้วยซัพพลายที่มีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่ดีมานด์มีมากกว่า ราคาก็วิ่งขึ้นไปต่อ ซึ่งต้องยอมรับว่าราคาหุ้น I วันนี้ (7 ต.ค.67) เกินกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรเป็นไปแล้ว