เกินต้าน ราคาหุ้น OKJ ไปต่อ ปิดตลาด7ต.ค. ที่ 12.90 บาท บวก 92% จากไอพีโอ

07 ต.ค. 2567 | 22:00 น.

"โอ้กะจู๋" หุ้นน้องใหม่ไฟแรง เปิดซื้อขายเพียง 2 วันแรก ดันราคาพุ่ง 6.20 บาท ยืนเหนือระดับ 12.90 บาท จากราคาไอพีโอ 6.70 บาท มูลค่าซื้อขายรวมทะยาน 6.5 พันล้าน

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ วันนี้ 7 ต.ค. 67 ปิดตลาดที่ระดับ 12.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 4.03% จากราคาหุ้นปิดตลาดก่อนหน้าที่ระดับ 12.40 บาท โดยในช่วงระหว่างวันราคาหุ้นดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 14.60 บาท และย่อตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 12.70 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 1,829.40 ล้านบาท

ซึ่งหากย้อนกลับไปในวันแรกของการเริ่มซื้อขายหลักทรัพย์ในวันที่ 4 ต.ค.67 นั้น ราคาหุ้นเปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 10.10 บาท เพิ่มขึ้น 3.40 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 50.74% จากราคาเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่ 6.70 บาท ในช่วงระหว่างเปิดการซื้อขายในวันแรกราคาหุ้นดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 12.50 บาท และย่อตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 10.10 บาท ขณะที่ราคาปิดตลาดในวันดังกล่าวออกมาสวยงาม ที่ระดับ 12.40 บาท มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 4,678.91 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อรวมมูลค่าการซื้อขายหุ้น OKJ ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา (4 และ 7 ต.ค.67) พบว่า มูลค่าการซื้อขายรวมกันสูงกว่า 6,508.31 ล้านบาท โดยที่ P/E อยู่ที่ระดับ 44.66 เท่า สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับหมวดในอุตสาหกรรมที่เฉลียประมาณ 36.77 เท่า และเปรียบเทียบกับตลาดที่เฉลี่ยราว 17.98 เท่า

โดยอัตราหมุนเวียนปริมาณการซื้อขายของ OKJ อยู่ที่ 70.40% อยู่ในระดับที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับหมวดอุตสาหกรรมที่ระดับ 0.93% และเปรียบเทียบกับตลาดที่ระดับ 0.66%

กรณีที่ บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด (Modulus) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ได้ทำข้อตกลงในการซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ก่อตั้ง 3 ท่าน ได้แก่

  • นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล
  • นายจิรายุทธ ภูวพูนผล
  • นายวรเดช สุชัยบุญศิริ

บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) จำนวน 31.8 ล้านหุ้น หรือ 5.22% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลัง IPO ในวันแรกที่หุ้น OKJ เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้กลุ่ม OR รักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 20% ภายหลังการ IPO นั้น

จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้น บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ ล่าสุด ยังคงเป็นวันที่ 27 ก.ย.67 โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ 4 อันดับแรก ได้แก่

  1. นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล จำนวน 152,800,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.09%
  2. นายจิรายุทธ ภูวพูนผล จำนวน 100,800,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 16.55%
  3. บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด จำนวน 90,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 14.78%
  4. นายวรเดช สุชัยบุญศิริ จำนวน 36,400,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.98%

ล่าสุด ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59) ในวันที่ 7 ต.ค.67 พบว่า ผู้บริหารทั้ง 3 คน ได้มีการขายหุ้น จำนวนรวม 31,800,000 หุ้น ในวันที่ 4 ต.ค.67 ประกอบด้วย

  • นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ขายหุ้น จำนวน 18,444,000 หุ้น ที่ราคา 6.70 บาท คิดเป็นมูลค่า 123,574,800 บาท
  • นายจิรายุทธ ภูวพูนผล ขายหุ้น จำนวน 7,406,000 หุ้น ที่ราคา 6.70 บาท คิดเป็นมูลค่า 49,620,200 บาท
  • นายวรเดช สุชัยบุญศิริ ขายหุ้น จำนวน 5,950,000 หุ้น ที่ราคา 6.70 บาท คิดเป็นมูลค่า 39,865,000 บาท

ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้บริหารทั้ง 3 คนลดลง เหลือที่ 134,356,000 หุ้น, 93,394,000 หุ้น และ 30,450,000 ตามลำดับ ในขณะที่ Modulus จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 121,800,000 หุ้น หรือคิดเป็น 20%

นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เผยก่อนหน้านี้ว่า การที่ "โอ้กะจู๋" ได้เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

โดยวางแผนการดำเนินงานในระยะ 5 ปี (2567-2571) บริษัทวางเป้าหมายในการขยายสาขาใหม่ทั้ง 3 แบรนด์ แบ่งเป็น วางแผนจะขยายสาขาแบรนด์ “โอ้กะจู๋” เป็น 67 สาขา จากปัจจุบันที่มีร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full-service Restaurant) และร้านอาหารในรูปแบบ Deliver & Kiosk รวมทั้งสิ้น 37 สาขา, ขยายสาขาแบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” ให้ครบ 20 สาขา จากปัจจุบันมี 1 สาขา

ขยายสาขาแบรนด์ “Oh Juice” ให้ครบ 70 สาขา จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 8 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 157 สาขา ภายในปี 2571 เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ รวมทั้งหัวเมืองหลักในภูมิภาคต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจและสร้างแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มเติม รวมถึงการศึกษาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S-Curve

รวมถึงมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งบริษัทเปิดกว้างโอกาสในการศึกษาการลงทุน ทั้งในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์ ปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างเจรจา 2-3 ดีล ในหลากหลายธุรกิจ ทั้งธุรกิจอาหาร เครื่องดื่มและอื่นๆ ทั้งนี้ คาดว่าจะยังคงไม่เห็นในปีนี้ เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาและเจรจาหาข้อตกลงที่ลงตัวร่วมกัน

ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 67 ของ OKJ

  • รายได้รวม 1,110.73 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 102.36 ล้านบาท
  • สินทรัพย์รวม 1,338.85 ล้านบาท
  • หนี้สิน 737.32 ล้านบาท
  • เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 139.62 ล้านบาท