กูรูมองตลาดหุ้นไทยยังแกร่ง ยกระดับดึงลงทุน AI-ดาต้าเซ็นเตอร์

27 ต.ค. 2567 | 22:00 น.

J.P. Morgan มองตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจในการลงทุน ชี้ Entertainment Complex สร้างเม็ดเงินมหาศาล ปูทางดึงอุตสาหกรรม Data Center และ AI เข้ามาหนุนสร้าง New S-Curve

นายมาร์โค สุจริตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสประจำประเทศไทย บริษัท เจพีมอร์แกน ประเทศไทย (J.P. Morgan) เปิดเผยว่า ทาง J.P. Morgan ยังคงมองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจในการลงทุน และยังคงมีโอกาสในการเติบโตได้อยู่ในอนาคต เพียงแต่ว่าจากนี้ไปอาจต้องมีการหาผลิตภัณฑ์หุ้นหรือการลงทุนใหม่ๆ เพื่อมากระตุ้นการลงทุนให้มากขึ้น

ถามว่าอุตสาหกรรมใดในตลาดหุนไทยที่มองว่ามีความน่าสนใจในการลงทุน และน่าจะเข้ามาช่วยสร้างเม็ดเงินใหม่เข้ามายังตลาดหุ้นไทยได้เพิ่มในอนาคต ส่วนตัวมองว่าหุ้นที่มีความเกี่ยวเนื่องกันโปรเจ็กต์สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ค่อนข้างน่าสนใจ

นายมาร์โค สุจริตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสประจำประเทศไทย บริษัท เจพีมอร์แกน ประเทศไทย (J.P. Morgan)

Entertainment Complex เป็นเรื่องแปลงใหม่และน่าสนใจมาก เพราะไทยมีพื้นฐานที่ดีในด้านงานบริการอยู่แล้ว จะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจและประเทศมาก ดังนั้น เมื่อมีอุตสาหกรรมใหม่ที่แตกต่างเข้ามา จะสร้างเม็ดเงินหนุนให้เศรษฐกิจตลอดจนตลาดหุ้นไทยดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน มีโอกาสให้ลงทุนเพิ่ม หากว่าภาครัฐสามารถผลักดันให้โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริงในไทย

นอกจากนี้ กลุ่มที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับ Data Center มีความน่าสนใจ เพราะเป็นเรื่องที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสนใจ เป็นอนาคตใหม่ของการลงทุน ทั้งนี้ ด้วย Data Center มีความต้งการใช้ไฟฟ้าในกระบวนการทำงานที่ค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงมองว่าอีกกลุ่มหุ้นที่มีความน่าสนใจ คือ กลุ่มหุ้นพลังงานหมุนเวียน และพลังงานสะอาด ซึ่งจะมาช่วยสร้าง New S-Curve ตลาดหุ้นไทย

นายอายาซ อิบราฮิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ เจ.พี.มอร์แกน แอสเซท แมเนจเม้นท์ กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นไทยจะมีการเติบโตที่สูงขึ้นในอนาคตได้นั้น มองว่าอาจต้องพึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนเพิ่มเติม

อายาซ อิบราฮิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ เจ.พี.มอร์แกน แอสเซท แมเนจเม้นท์

โดยกลุ่มที่มองว่าจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอนาคต คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence ( AI) ระบบ AI เพราะด้วยประโยชน์ AI ที่มีความสามารถหลากหลายในการใช้งานกับธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งจุดประสงค์หลักของการใช้เทคโนโลยี AI ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน

อีกทั้งยังช่วยวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลจำนวนมากมายได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว เพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกมาใช้กับธุรกิจ และอุตสาหกรรมได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ เทคโนโลยี AI ยังช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมไปถึงใช้ค้นหาพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ได้จาดชุดข้อมูลที่มี

เพื่อยกระดับให้ธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมมีศักยภาพที่แข็งแกร่งในการแข่งขันให้ธุรกิจเติบโตได้ในระยะยาว มองว่า AI เป็นเทคโนโลยีโลกใหม่ที่ไม่อาจสามารถคาดเดาได้เลยว่าอนาคตจะถูกพัฒนาไปได้ไกลถึงขั้นไหน และดูแนวโน้มความต้องการใช้งาน  AI ยังเพิ่มสูง ทำให้ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มประเทศที่มีการผลิตชิปประมวลผลได้คำสั่งซื้อจำนวนมาก จึงมองว่าเป็นโอกาสสำคัญของไทย

นอกจากนี้ มองว่าอุตสาหกรรมด้านพลังงานโดยเฉพาะพลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียน เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากคาดว่าความต้องการใช้พลังงานยังมีอยู่อีกมากในอนาคต และอีกอุตสาหกรรมที่มีความน่าสนใจ และมองว่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศไทยและตลาดหุ้น คือ กลุ่มบริการและอุตโภค-บริโภค

ประเทศไทยมีจุดแข็งในเรื่องของการบริการ ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการแพทย์ เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญ ปัจจุบันตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังไทยกลับมามีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด-19 แล้ว คาดว่าทั้งปี 67 จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย และขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 68 นี้ อีกด้วย