FETCO ชี้ รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยลด หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนฟื้น

04 พ.ย. 2567 | 08:01 น.
อัปเดตล่าสุด :04 พ.ย. 2567 | 08:01 น.

FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน เดือนต.ค. เข้าเกณฑ์ "ร้อนแรงอย่างมาก" รับปัจจัยบวก รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยลด ท่องเที่ยวโต แนะติดตาม ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง การเลือกตั้งสหรัฐฯ สร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนต.ค. 67 ที่สำรวจระหว่างวันที่ 20-31 ต.ค. 67 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ม.ค.68) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก”

ซึ่งนับว่าต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ที่ระดับ 160.66 โดยนักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ  เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมา คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์เงินเฟ้อ รองลงมา คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ เป็นต้น

นอกจากนี้ ผลสำรวจ ณ เดือนต.ค. 67 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับลดลง 6% อยู่ที่ระดับ 138.71 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลง 14.3% อยู่ที่ระดับ 150.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศทรงตัวอยู่ที่ระดับ 140.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลดลง 10.0% อยู่ที่ระดับ 180.00

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนต.ค.67

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนครึ่งแรกของเดือนต.ค. 67 SET Index ปรับตัวในกรอบแคบ ก่อนจะปรับตัวขึ้นในช่วงกลางเดือนหลังได้แรงกระตุ้นจากการที่ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง  0.25% มาอยู่ที่ 2.25% และปรับตัวลงในเวลาต่อมาจากแรงขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจากมุมมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะยังไม่เร่งลดดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดย SET Index ณ สิ้นเดือนต.ค. 67 ปิดที่ 1,466.04 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ 54,750 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 27,968 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 122,757 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจเกิดการลุกลาม ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. 67 และทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้ง ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีน

ส่วนปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและส่งออกซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว แนวโน้มของเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเงินซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของ กนง. ในการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป

รวมไปถึงแรงหนุนจากการซื้อกองทุน ThaiESG และกองทุนวายุภักษ์ในช่วงท้ายของปี รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/67 ที่คาดว่าจะออกมาดีในทิศทางเดียวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

สรุปผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ม.ค. 68) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” (ช่วงค่าดัชนี 160-200) ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ที่ระดับ 160.66
  • ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”  ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” 
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)  
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รองลงมา คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์เงินเฟ้อ รองลงมา คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ