จากกรณีที่ราคาหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้า (Power management solutions) รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท ได้แก่ พัดลมอิเล็กทรอนิกส์ (DC Fan) อีเอ็มไอ ฟิลเตอร์ (EMI) และโซลินอยด์ มีฐานการผลิตอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ เอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดันมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ทะยานขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2,058,179.66 ล้านบาท ครองแชมป์อันดับ 1 หุ้นที่มี Matket Cap. สูงสุด ทิ้งห่างจากหุ้นอันดับที่ 2-5 ที่มี Market Cap. สูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ โดยอันดับที่ 2 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่มี Market Cap. อยู่ที่ 928,297.38 ล้านบาท
ขณะที่อันดับที่ 3-5 ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC มี Market Cap. อยู่ที่ 847,649.77 ล้านบาท, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT มี Market Cap. อยู่ที่ 835,713.45 ล้านบาท และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มี Market Cap. อยู่ที่ 756,788.17 ล้านบาท
หากย้อนกลับไปดูสถิติราคาหุ้น DELTA นับตั้งแต่เปิดต้นปี 2567 วันที่ 2 ม.ค.67 ปิดตลาดที่ระดับ 91.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท เปลี่ยนแปลง 3.69% จากราคาปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ระดับ 88.00 บาท ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงวันที่ 14 พ.ย.67 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 165.00 บาท
นั้นเท่ากับว่าราคาหุ้น DELTA ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 73.75 บาท เปลี่ยนแปลง 80.82% นับจากปิดตลาดซื้อขายวันแรกของปี 67 นี้ จากการย้อนสถิติราคาหุ้น DELTA พบว่า มีการปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับราคา 167.00 บาท ในวันที่ 14 พ.ย.67 และทำจุดต่ำสุดในปีนี้ที่ระดับ 63.25 บาท ในวันที่ 6 มี.ค.67
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น DELTA ล่าสุด วันที่ 15 พ.ย.67 ณ เวลา 12.51 น. อยู่ที่ระดับ 165.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท เปลี่ยนแปลง 0.30% ในช่วงระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 169.00 บาท และย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 164.50 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 1,233.52 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น DELTA มองว่าเป็นผลมาจากความน่าสนใจของธุรกิจที่อยู่ในโซนของเมกะเทรนด์โลก ที่เชื่อมต่อในด้านของเทคโนโลยี
โดย DELTA เองมีสตอรี่เป็นผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ Data Center และ EV ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตลาดกำลังให้น้ำหนักในตอนนี้ ทำให้มีจังหวะการขยายตัวได้ตามดีมานด์โลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมดังกล่าว อีกทั้งสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง Data Center และ EV ยังให้อัตรามาร์จิ้นที่ค่อนข้างสูง ยิ่งช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับ DELTA
นอกจากนี้ บริษัทแม่ของ DELTA ที่ไต้หวัน เป็น Hub ของการผลิตสินส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งออกไปต่างประเทศที่ใหญ่มาก ทำให้มองกันว่าหากบริษํทแม่มีการส่งออเดอร์มาให้กับ DELTA ก็จะทำให้อัตราดารเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทจะขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องในอนาคต
อีกทั้งผลการดำเนินงานของ DELTA ในช่วงที่ผ่านมาก็ออกมาค่อนข้างดี ทั้งในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิมีการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากค่าเฉลี่ยราคาหุ้นเป้าหมายที่เหล่านักวิเคราะห์ได้คาดการณ์กันไว้อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 112.00 บาท ขณะที่ของ บล.ลิเบอเรเตอร์ เองประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ระดับ 102.00 บาท ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันไปไกลกว่าระดับเหมาะสมที่วางกันไว้
ทำให้มองว่าในตอนนี้นักลงทุนกำลังเล่น DELTA ด้วยความหวังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ มองว่าในเชิงของมูลค่ายุติธรรม (Fair Value) ของหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงเกินไป โดย Forward P/E ก็อยู่ในระดับที่สูงที่ 94 เท่า และในปี 2568 คาด P/E อยู่ที่ 85 เท่า ส่วนตัวมองว่าก็ยังแอบแพงอยู่พอสมควร
อย่างไรก็ตาม ด้วยตลาดหุ้นไทยที่แทบจะไม่มีหุ้นเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกับเมกะเทรนด์โลก ทำให้ DELTA จึงถูกดึงดูดความสนใจที่สุด แต่ด้วยราคาหุ้นที่เพิ่มสูงเกินไปในขนาดนี้มองว่าแพงเกินไปและเป็นความเสี่ยง หากว่ายังต้องการลงทุนใน DELTA ก็แนะนำว่านักลงทุนอาจต้องมี Trailing Stop Loss และจุด Cut Loss ที่ชัดเจน