สิ้นสุดรอบของการประกาศผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/67 ไปแล้วเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อน (15 พ.ย.67) ซึ่งหลายโบรกออกมาลงความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า "น่าผิดหวัง" ด้วยไตรมาส 3 ตามปกติของทุกปีจะเป็นโลวซีซันของธุรกิจอยู่แล้ว ตามปัจจัยฤดูกาล อีกทั้งในปีนี้มีเหตุการณ์น้ำท่วมยิ่งส่งผลกระทบต่อกำลังการจับจ่ายใช้สอย
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการรวบรวมสถิติกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทั้งงวดไตรมาส 3/67 และ 9 เดือนแรกของปี 67 พบว่า หลักทรัพย์ในตลาด SET และ mai รวมจำนวน 901 หลักทรัพย์ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 208,180 ล้านบาท
ซึ่งด้วยเป็นโลวซีซันของหลายธุรกิจ ทั้งด้วยปัจจัยฤดูกาล และในปีนี้มีเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจ ทำให้ปรับตัวลดลงกว่า 19.0% จากไตรมาสก่อน และหดตัวลงกว่า 24.6% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 276,045 ล้านบาท ในขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 67 เหล่า บจ. มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 734,999 ล้านบาท ลดลง 5.6% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 778,199 ล้านบาท
หากเทียบกลุ่มที่มีมูลค่ากำไรสุทธิโดดเด่นที่สุด คือ ธุรกิจการเงิน (Financials) ที่ประกอบด้วย 3 หมวดธุรกิจ ได้แก่ ธนาคาร (Banking), เงินทุนและหลักทรัพย์ (Finance & Securities) และ ประกันภัยและประกันชีวิต (Insurance) โดยกลุ่ม Financials มีกำไรสุทธิรวม 70 หลักทรัพย์ ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 79,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากไตรมาสก่อนที่ 79,236 ล้านบาท และเติบโต 3.6% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน 76,872 ล้านบาท ในขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 67 อยู่ที่ 240,060 ล้านบาท ขยายตัว 4.1% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 230,677 ล้านบาท
แต่หากเทียบจากอัตราการเติบโตที่สูงสุดทั้งจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี (Technology) ที่ประกอบด้วยหมวด ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Components) และ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information & Communication Technology) มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 รวม 45 หลักทรัพย์ อยู่ที่ 24,228 ล้านบาท
โดยเพิ่มขึ้น 2.6% จากไตรมาสก่อนที่ 23,611 ล้านบาท และเติบโตกว่า 57.6% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 15,373 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 อยู่ที่ 71,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.4% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 50,321 ล้านบาท
และกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ (Services) ที่ประกอบด้วย พาณิชย์ (Commerce), การแพทย์ (Health Care Services), สื่อและสิ่งพิมพ์ (Media & Publishing), บริการเฉพาะกิจ (Professional Services), การท่องเที่ยวและสันทนาการ (Tourisms & Leisure) และ ขนส่งและโลจิสติกส์ (Transportation & Logistics) รวม 132 หลักทรัพย์
ซึ่งกลุ่ม Services มีกำไรสทุธิในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 46,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.5% จากไตรมาสก่อนที่ 32,948 ล้านบาท และเติบโตกว่า 56.3% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 30,039 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 67 มีกำไรสทุธิอยู่ที่ 110,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.0% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 101,036 ล้านบาท
ในทางกลับกันกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในไตรมาส 3/67 นี้ คือ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials) ที่ประกอบด้วย 6 หมวดธุรกิจ พบว่า กำไรสุทธิทั้งในไตรมาส 3/67 และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 ของกลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หดตัวลงสูงที่สุด ทั้งจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และจากไตรมาสก่อน
ยานยนต์ (Automotive)
วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร (Industrial Materials & Machine)
กระดาษและวัสดุการพิมพ์ (Paper & Printing Materials)
ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (Petrochemicals & Chemicals)
บรรจุภัณฑ์ (Packaging)
เหล็ก และ ผลิตภัณฑ์โลหะ (Steel and Metal Products)