กูรูชี้คดี "หมอบุญ" เป็นเรื่องส่วนตัว THG ทำดีขุดเจอข้อมูลต้องสงสัย

26 พ.ย. 2567 | 09:18 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ย. 2567 | 09:18 น.

"กิจพณ ไพรไพศาลกิจ" มองคดี "หมอบุญ" เป็นเรื่องส่วนตัว ยกความดี THG ทำการตรวจสอบข้อมูลภายในพบรายการต้องสังสัยก่อนเรื่องบานปลาย ชี้ราคาหุ้นปัจจุบันสมเหตุสมผล

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประเด็นศาลออกหมายจับ “หมอบุญ วนาสิน” คดีฉ้อโกงและฟอกเงิน มองว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลและไม่ได้เกี่ยวข้องกับ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG 

ซึ่งทาง THG ก็ออกมาแจ้งความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อมูลภายในออกเป็นเป็นระยะ เพียงแต่ต้องยอมรับว่าในระยะสั้นๆ อาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้นอยู่บ้าง รวมถึงอาจมีผลกระทบจากการสั่งซื้อสินค้าจาก บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด (RTD) และไม่ได้รับสินค้าตามข้อตกลง มีผลทำให้เกิดมูลค่าเสียหายราว 200 ล้านบาท

แต่ส่วนตัวมองว่าผลกระทบจากมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นดังกล่าวเล็กน้อยมาก และแทบไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของ THG หรือเมื่อเทียบกับการฉ้อโกงของบริษัทจดทะเบียนรายอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น เรื่องนี้อาจไม่ได้มีความน่ากังวลใจต่อผู้ถือหุ้นนัก

อีกทั้งมองว่า THG ยังมีกลไกในการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งจากการตรวจพบรายการต้องสับสัยก็เป็นผลมาจากการตรวจข้อมูลภายใน ทำให้กลำกดังกล่าวมีส่วนสำคัญมากที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ประกอบกับด้วย 1 ใน 4 ของผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูง

ส่วนความน่าสนใจในการลงทุนของ THG นั้น นักลงทุนอาจต้องนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับกลุ่มธุรกิจเดียวกันที่มีขนาดใกล้เคียงกัน เช่น BCH CHG และ RAM ว่ามีความน่าสนใจมากน้อยกว่ากันแค่ไหน แต่เชื่อว่าในขณะนี้ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่มีความสมเหตุสมผลมากแล้ว จากในช่วงโควิด-19 ระบาด ที่ราคาเพิ่มไปถึง 80-100 บาท ซึ่งแพงและเกิดกว่าเหตุผล

"มองว่าเรื่องคดีของหมอบุญที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งทาง THG เองก็ออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้อง อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลผ่านในพบรายการต้องสงสัย เรื่องนี้ต้องยกความดีให้กลไกของ THG ที่มีการป้องกันความเสี่ยงได้ค่อนข้างดี พบเจอก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย ส่วนความน่าสนใจมองว่านักลงทุนต้องศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบกับกลุ่มธุรกิจเดียวกันที่มีขนาดใกล้เคียงกัน แต่มองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างสมเหตุสมผลกับปัจจัยพื้นฐานแล้ว"

ทั้งนี้ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เป็นผู้ดำเนินบริษัทประกอบกิจการสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ในลักษณะโรงพยาบาลทั่วไป (General Hospital) ภายใต้ชื่อ "โรงพยาบาลธนบุรี" ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) อยู่ที่ 14,067.96 ล้านบาท

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นวันที่ 26 พ.ย.67 ณ เวลา 15.20 น. อยู่ที่ระดับ 16.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท เปลี่ยนแปลง 1.20% ในระหว่างวันราคาหุ้นดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 17.60 บาท และย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 16.50 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 120.09 ล้านบาท

ฐานเศรษฐกิจได้ทำการตรวจสอบข้อมูล THG พบว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) จำนวน 208,378,474 หุ้น หรือ 24.59%, นางจารุวรรณ วนาสิน จำนวน 120,540,789 หุ้น หรือ 14.22% และบริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด จำนวน 31,352,867 หุ้น หรือ 3.70%

โดยหากรวมจำนวนหุ้นของครอบครัว วนาสิน รวมทั้งสิ้น 184,006,500 หุ้น หรือ 17.93% แบ่งสัดส่วนเป็น นางจารุวรรณ วนาสิน ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 จำนวน 120,540,789 หุ้น หรือ 14.22%, นางณวรา วนาสิน ผู้ถือหุ้นอันดับ 6 จำนวน 25,663,863 หุ้น หรือ 3.03% และนายบุญ วนาสิน ยังคงมีสัดส่วนการถือหุ้นใน THG อยู่จำนวน 5,801,848 หุ้น คิดเป็น 0.68% เป็นอันดับที่ 17 เป็นต้น

ผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับ

  • บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) จำนวน 208,378,474 หุ้น หรือ 24.59%
  • นางจารุวรรณ วนาสิน จำนวน 120,540,789 หุ้น หรือ 14.22%
  • บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด จำนวน 31,352,867 หุ้น หรือ 3.70%
  • นายอาษา เมฆสวรรค์ จำนวน 29,394,737 หุ้น หรือ 3.47%
  • SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED จำนวน 26,306,500 หุ้น หรือ 3.10%
  • นางณวรา วนาสิน จำนวน 25,663,863 หุ้น หรือ 3.03%
  • นางอรฉัตร โตษยานนท์ จำนวน 25,482,670 หุ้น หรือ 3.01%
  • นายเอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ จำนวน 14,259,500 หุ้น หรือ 1.68%
  • บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 13,890,009 หุ้น หรือ 1.64%
  • นายอาศิส อุนนะนันทน์ จำนวน 13,046,700 หุ้น หรือ 1.54%

ผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 67

  • รายได้รวม อยู่ที่ 7,324.98 ล้านบาท ลดลงจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 7,873.10 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ อยู่ที่ -302.98 ล้านบาท ลดลงจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 649.42 ล้านบาท
  • กำไรสะสม อยู่ที่ 1,862.53 ล้านบาท ลดลงจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 2,908.93 ล้านบาท
  • เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด อยู่ที่ 782.16 ล้านบาท ลดลงจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 1,100.68 ล้านบาท
  • รวมสินทรัพย์ อยู่ที่ 23,191.52 ล้านบาท ลดลงจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 23,987.52 ล้านบาท

ผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง (64-66)

  • รายได้รวม อยู่ที่ 10,974.92 ล้านบาท, 11,983.90 ล้านบาท และ 9,987.28 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ อยู่ที่ 1,337.43 ล้านบาท, 1,607.69 ล้านบาท และ 295.41 ล้านบาท
  • กำไรสะสม อยู่ที่ 2,182.78 ล้านบาท, 3,021.76 ล้านบาท และ 2,552.87 ล้านบาท
  • เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด อยู่ที่ 1,482.29 ล้านบาท, 2,585.97 ล้านบาท และ 939.77 ล้านบาท
  • รวมสินทรัพย์ อยู่ที่ 23,798.73 ล้านบาท, 25,082.79 ล้านบาท และ 23,549.63 ล้านบาท