ก.ล.ต. ฟัน ธีรวัฒน์ แซ่ก๊วย กรณีปั่นหุ้น THE เรียกชดใช้ค่าปรับกว่า 18.9 ล้าน

29 พ.ย. 2567 | 10:20 น.
อัปเดตล่าสุด :29 พ.ย. 2567 | 10:34 น.

ก.ล.ต. ขอให้พนักงานอัยการฟ้อง "ธีรวัฒน์ แซ่ก๊วย" ผู้กระทำความผิด กรณีสร้างราคาหุ้น THE ลงโทษทางแพ่ง กำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ 14 เดือน พร้อมชดใช้เงินรวม 18.91 ล้าน

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขอให้พนักงานอัยการฟ้องนายธีรวัฒน์ แซ่ก๊วย ผู้กระทำความผิด กรณีสร้างราคาหุ้นของบริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) (THE) เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร (แล้วแต่กรณี) ในอัตราสูงสุดตามกฎหมาย

ตามที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ได้มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดในกรณีสร้างราคาหุ้นของ THE โดยกำหนดให้นายธีรวัฒน์ ชำระเงินรวม 18,919,992.95 บาท (ค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด) และกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 14 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นระยะเวลา 28 เดือน

ทั้งนี้ เนื่องจากนายธีรวัฒน์ ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ซึ่งพิจารณาได้ว่า นายธีรวัฒน์ ไม่ยินยอมที่จะระงับคดีในชั้น ก.ล.ต. ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีนายธีรวัฒน์ ต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งทุกมาตรการในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ พร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร

พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้นำส่งกรณีดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า “กรณีนี้ ก.ล.ต. ได้ ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดรวม 14 ราย โดยเรียกให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง กำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ซึ่งมีผู้กระทำผิด 13 รายได้ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งแล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดทุกกรณี มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้”