Liberator คาด วันนี้ SET อยู่ในช่วงสร้างฐาน กรอบ 1,420-1,450 จุด

16 ธ.ค. 2567 | 02:59 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ธ.ค. 2567 | 02:59 น.

บล.ลิเบอเรเตอร์ คาด SET วันนี้ 16 ธ.ค.67 อยู่ในช่วงสร้างฐาน กรอบ 1,420-1,450 จุด สัปดาห์นี้เกาะติดการประชุมธนาคารกลางหลายแห่ง (กนง, FED, BOJ, BOE) ผสานตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจ กลยุทธ์ยังรอจังหวะย่อสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่แนวโน้มกำไรปี 68 คาดขยายตัวเด่น วันนี้แนะ SAWAD

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ 16 ธ.ค.67 ว่า คาดดัชนี SET Index วันนี้อยู่ในช่วงสร้างฐาน ในกรอบ 1,420-1,450 จุด โดยในสัปดาห์นี้แนะนำเกาะติดการประชุมธนาคารกลางหลายแห่ง อาทิ กนง, FED, BOJ และ BOE เป็นต้น

โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางยุโรป และสวิตเซอร์แลนด์ มีมติปรับลดดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง ขณะที่สัปดาห์นี้ยังมีอีกหลายการประชุมที่น่าติดตาม นำโดย วันที่ 18 ธ.ค. การประชุม กนง. คาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ระดับ 2.25% ส่วนตอนกลางคืนจะมีการประชุม FED คาดว่าจะมีมติการปรับลดดอกเบี้ย 0.25%

ส่วน Dot Plot รอบนี้น่าจะปรับมุมมองโดยลดดอกเบี้ยในปีหน้าที่ช้าลงกว่าคาดการณ์ Dot Plot ในช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ส่วนวันที่ 19 ธ.ค. แนะติดตามประชุมธนาคารกลางญีปุ่น (BOJ) คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% โดยภาพระยะสั้นสัญญาณค่าเงินเยนอ่อนต่อเนื่องเมื่อเทียบกับ USD และในวันที่ 19 ธ.ค. เช่นกัน แนะติดตามประชุมธนาคารกลางอังกฤษ คาดคงดอกเบี้ยที่ 4.75% 

ภาพการลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 67 นี้ น่าจะทรงตัวในกรอบแคบๆ แม้จะไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาขับเคลื่อนตลาดมากนัก แต่ก็คาดจะมีแรงพยุงจากเม็ดเงินของกองทุนที่ได้ประโยชน์ทางภาษี (SSF, TESG) โดยเน้นในหุ้นขนาดใหญ่ ผสานกับการปรับพอร์ตของกองทุน Passive ตามดัชนีที่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของหุ้น เช่น FTSE Rebalancing ในปลายสัปดาห์นี้

รวมไปถึง ดัชนี SET50/100 Rebalancing ที่คาดจะประกาศหุ้นเข้าออกในสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยสำหรับกลยุทธ์การลงทุนอาจเน้นเก็งกำไรหุ้นที่ได้รับการคัดเลือกเข้าดัชนีรอบใหม่ ส่วนการลงทุนระยะกลาง รอย่อสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่แนวโน้มกำไรปีหน้าขยายตัว 

ปัจจัยที่ต้องจับตา

16 ธ.ค. 67

  • PMI ภาคการผลิตและบริการ ของ สหรัฐฯ & ยูโรโซน & ญี่ปุ่น & อังกฤษ 

17 ธ.ค. 67

  • ยอดค้าปลีก สหรัฐฯ
  • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ

18 ธ.ค. 67

  • การประชุม กนง.
  • การประชุม FED, 
  • ยอดสร้างบ้าน สหรัฐฯ
  • ใบอนุญาตการก่อสร้าง สหรัฐฯ 
  • สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ สหรัฐฯ
  • ดัชนี CPI ของยูโรโซน & อังกฤษ

หุ้นเด่นแนะนำ

SAWAD ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 45.00 บาท การขาดทุนจากรถยึดมีทิศทางที่ลดลงเรื่อยๆ โดยพบว่าราคารถยนต์มือสองไม่ได้ปรับลดลงมากแล้ว หนุนคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น ผสานกับสถานการณ์หุ้นกู้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น คาดจะเป็นแหล่งเงินทุนที่ดีในการเร่งปล่อยสินเชื่อมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4/67 โดยสรุปคาดจะหนุนให้กำไรไตรมาส 4/67 มีโอกาสปรับขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ผสานกับคาด SAWAD จะกลับมาติด SET50 รอบนี้ เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม

SGC ราคาเป้าหมาย 1.96 บาท คาดกำไรครึ่งหลังปี 67 จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเติบโตของโครงการ SG Finance+ ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อมือถือที่สามารถล็อกได้หากผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้ NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำ ผสานกับการปลดล็อกการเพิ่มทุน จะหนุนให้ SGC ผ่อนคลายดอกเบี้ยจ่าย และมีเม็ดเงินเพิ่มเติมในการปล่อยสินเชื่อ หนุนปี 68 กำไรจะเติบโตแบบก้าวกระโดด 

MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และขยายตัว 3% จากไตรมาสก่อน ทำจุดสูงสุดใหม่ แรงหนุนจากพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว 3% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 15% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ผสานกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยหนี้ Stage 2 ลดลงสู่ระดับ 8% ของสินเชื่อรวม จาก 9% ในไตรมาส 2/67 และอัตราส่วน NPL ลดลงสู่ระดับ 2.82% จาก 2.88%

AP ราคาเป้าหมาย 11.5 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/67 จะขยายตัวทั้งจากไตรมาสก่อน และจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนทำจุดสูงสุดของปี จากการรอโอน backlog ในไตรมาส 4 ที่สูงราว 1.18 หมื่นล้านบาท ผสานแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 4/67 กว่า 13 โครงการ มูลค่าราว 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนภาพปี 2025 คาดกลับมาเติบโตได้ 9% โดย Valuation ปัจจุบันเทรด PE2025 ที่เพียง 4.8 เท่า ขณะคาดอัตราปันผลสูงราว 7% ต่อปี  

DOHOME ราคาเป้าหมาย 12 บาท แนวโน้มยอดขายสาขาเดิมในช่วงเดือน ต.ค. และ พ.ย. มีทิศทางขยายตัว หนุนโอกาส SSSG ในช่วงไตรมาส 4/67 พลิกกลับมาเป็นบวก แรงหนุนจากเงินเบิกจ่ายภาครัฐฯที่กลับมาเร่งตัวขึ้น ผสานการซ่อมแซมบ้าน หลังผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงไตรมาส 3/67 อีกทั้งยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น กว่าในช่วงไตรมาส 3/67 จากราคาเหล็กที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น

AMATA คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 ยังคงขยายตัวได้ดี โดยประเมินยอดโอนที่ดินคาดจะสูงขึ้น โดยมี Backlog ล่าสุดสูงราว 1.94 หมื่นล้านบาท แรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างประเทศ คาดจะหนุนโอกาสการย้ายฐานการผลิตจากจีนและไต้หวันเข้าสู่ไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณของอัตรากำไรขั้นต้นที่มีทิศทางที่ขยับสูงขึ้นเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม

WHA ยังมีมุมมองเชิงบวกจากการลงทุนในไทยปี 67 ที่มีทิศทางที่ดีขึ้น สอดคล้องกับมูลค่า FDI ปี 66 ที่เติบโตกว่า 73% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยนักลงทุนจีนเข้ามาสูงสุด จากอุตสาหกรรม EV บริษัทตั้งเป้าปี 67 นี้ ธุรกิจโลจิสติกเพิ่มอีก 2 แสน ตร.ม. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม จะขยายเพิ่มอีก 2,070 ไร่ รวมทั้งจะมีการขยายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์รวม 2.13 แสน ตร.ม.