ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในช่วงระหว่างเปิดการซื้อขายในภาคเช้าวันนี้ 6 มกราคม 2568 พบว่าปรับตัวลดลงยกกลุ่ม หลังจากที่วานนี้ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุถึงการปรับลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย โดย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาแล้วและจะเรียกทุกคน รวมถึงภาคเอกชนประชุม เพื่อให้ทุกคนเต็มใจยอมรับกับการรีดไขมันครั้งนี้
ทั้งนี้ จากการเทียบสถิติราคาซื้อขายของ 8 หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า พบว่า ในระหว่างเปิดการซื้อขายในภาคเช้าวันนี้ 7 หุ้นมีราคาที่ปรับตัวลดลง ประกอบด้วย GPSC BGRIM GULF EGCO RATCH BPP และ GUNKUL ในขณะที่ TPIPP แม้ภาคเช้าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลง แต่ช่วงใกล้ปิดทำการซื้อขายภาคเช้าวันนี้ราคาหุ้นกลับมาอยู่ในระดับที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากปิดตลาดวันก่อนหน้า
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดิมทีแล้วหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มหุ้นปลอดภัย ด้วยการเติบโตของรายได้และการให้อัตราผลตอบแทนที่ดี และมีความมั่นคงมากกว่าหุ้นในกลุ่มอื่นๆ
แต่ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รวมถึงนโยบายในการบริหารจัดการภายในประเทศ ส่งผลให้ราคาขายไฟฟ้าเกิดการแทรงแซงของภาครัฐไปพอสมควร เป็นปัญหาที่ทำให้นักลงทุนลดความชื่นชอบต่อกลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้าที่น้อยลง
ทั้งนี้ การที่วานนี้ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุถึงการปรับลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย ว่า สามารถรีดไขมันจากค่าไฟได้อยู่จำนวนหนึ่ง และดูว่าน่าจะลงได้อีก ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ดูแล้ว และจะเรียกทุกคนประชุม ให้ทุกคนเต็มใจยอมรับกับการรีดไขมันครั้งนี้ ทุกฝ่ายรวมถึงภาคเอกชนด้วยต้องช่วยกันนั้น
ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานในเช้าวันนี้ปรับตัวลดลงกันยกกลุ่ม มองว่าเป็นผลจากการที่นักลงทุนกังวลใจต่อการลดราคาค่าไฟที่อาจกระทบต่อผลการดำเนินงานกลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้า ด้วยราคาต้นทุนพลังงานอย่างน้ำมันดิบที่เรียกได้ว่าปรับตัวลงในระดับที่ต่ำมากแล้ว การที่ลดค่าไฟฟ้าลงอีกอาจเป็นความเสี่ยงต่อธุรกิจโรงไฟฟ้า
โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่มีโรงไฟฟ้าขนาดกลางและเล็ก หรือ SPP ที่ต้องบริหารจัดการต้นทุนเอง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าราคาหุ้น GPSC จึงลงแรงกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่ม ในขณะที่ BGRIM และ GULF แม้ราคาหุ้นจะลดลงแต่ก็ไม่หนักเท่า อย่างไรก็ดี หลังจากนี้อาจต้องติดตามดูว่าแผนการรับมือของกลุ่มโรงไฟฟ้าจะเป็นไปอย่างไรต่อไป
หากมีการบังคับให้ปรับลดค่าไฟลงจริง ผลกระทบก็อาจไปลงที่ผลประกอบการ แต่กำไรจะหายไปมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องรอดูผลการปรับประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ในหุ้นแต่ละตัวอีกครั้ง รวมถึงการลดลงของราคาหุ้นนั้นสะท้อนต่อผลประกอบการที่อาจลดลงในอนาคตไปแล้วงหรือไม่
อย่างไรก็ดี สำหรับนักลงทุนที่ยังมีความสนใจในการลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า มองว่า RATCH และ EGCO ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากจะได้รับผลกระทบจากการปรับลดค่าไฟที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ อีกทั้งยังให้ปันผลที่สูงกว่า จึงยังคงมีความน่าสนใจ