IAA คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 68 แตะ 1,556 จุด กำไรตลาดฯ รวม 94.95 บาท/หุ้น

06 ม.ค. 2568 | 10:38 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ม.ค. 2568 | 10:38 น.

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ชี้ SET Index สิ้นปี 68 แตะ 1,556 จุด โดยมี EPS ที่ระดับ 94.95 บาท/หุ้น มองความกังวลยังเป็นเรื่องทุนต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่อง จากปี 67 ที่ถูกขายออกไปกว่า 1.5 แสนล้าน แนะเลี่ยงลงทุนหุ้นยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 26 แห่งต่อมุมมองในด้านการลงทุนและคาดการณ์ ทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ มองว่า ปัจจัยที่จะส่งผลด้านลบกับตลาดหุ้นไทย อาทิ เงินลงทุนต่างชาติออกจากหุ้นไทย 74.07% ของผู้ตอบทั้งหมดกังวล จากปี 67 ที่ขายหุ้นไทยออกไปประมาณ 1.4-1.5 แสนล้านบาท รองลงมาคือ ปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ มีผู้ตอบ 69.23% ตามด้วยการเมืองต่างประเทศ มีผู้ตอบ 61.54% และการลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของประเทศ

ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยช่วงเดือน ม.ค.-ธ.ค. 68 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,581 จุด โดย 71.43% คาดว่าดัชนีทำจุดสูงสุด 1,501-1,600 จุด รองลงมา 19.05% คาดว่าจุดสูงสุดอยู่ในช่วง 1,601-1,700 จุด และผู้ตอบ 9.52% มองว่าอยู่ในช่วง 1,401-1,500 จุด และจุดต่ำสุดคาดว่าอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 1,322 จุด และเป้าหมายสิ้นปี 68 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,556 จุด

โดยมีปัจจัยบวกในปี 68 จากเรื่องทิศทางดอกเบี้ยในประเทศ ตามด้วยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 68 และความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ในปี 68 ของตลาดไว้ที่เฉลี่ยระดับ 94.95 บาท/หุ้น

"สำหรับปี 68 นี้ ต้องยอมรับว่าอาจยังเห็นฟันด์โฟว์ไหลออกต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยลบอันดับหนึ่งต่อตลาดหุ้นไทย ขณะที่ดอกเบี้ยอาจปรับลงบ้างแต่คงลงช้า ยังมีแรงขายต่างชาติต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนปัจจัยบวกความคาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวนั้น เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะเดินงานได้ดีขึ้น ในส่วนประเด็น Entertainment complex มีงานเดินระดับหนึ่ง หลายบริษัทเปิดตัวว่าจะลงทุน ดังนั้น GDP ปี 68 ที่คาด 2.8-2.9% เป็นสิ่งที่คาดหวังได้"

ในแง่ของการลงทุนนั้นนักลงทุนจะต้องตัด Asset Alocation ให้ดี โดย แนะนำ ให้มีเงินสดหรือเงินฝากระยะสั้นไว้ที่เฉลี่ย 10.72% ของพอร์ต และมีกองทุนตราสารหนี้ 22% พร้อมกับแบ่งเงินลงทุนในหุ้นต่างประเทศหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 29.56%

รองลงมาลงทุนในหุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 22.52% โดยเพิ่มน้ำหนักในหมวดธุรกิจค้าปลีก รับเหมาก่อสร้าง ภาคบริการ การท่องเที่ยว เทคโนโลยีและการสื่อสาร และแบ่งเงินลงทุนในทองคำ กองทุนทองคำ 8.10% กองทุนอสังหาฯ 6.90% และสินทรัพย์อื่นๆ เช่น บิตคอยน์ 0.20% เป็นต้น

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA)

นอกจากนี้ ได้มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แบ่งเป็น 50% ของผู้ตอบเสนอให้เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเสริมศักยภาพการแข่งขัน การเติบโต ถัดมา 38.46% เสนอให้ช่วยเหลือภาคธุรกิจ อาทิ ดึงดูดการลงทุนต่างชาติ สนับสนุนวิจัยสินค้าเทคโนโลยี การท่องเที่ยว เอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ ลดภาษีนิติบุคคล

อีกทั้งเสนอนโยบายช่วยเหลือประชาชน อาทิ มาตรการแก้หนี้ ให้ความสำคัญด้านการศึกษา สำหรับหุ้นแนะนำและนักวิเคราะห์แนะนำที่คล้ายคลึงกัน คือ AOT ADVANC BDMS CPALL เพราะจะได้อานิสงส์จากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำไปยังรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ มีความคุ้มค่ากับงบประมาณ ได้แก่ เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่หนุนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ สนับสนุนอุตสาหกรรม New S-Curve ให้เกิดขึ้นในไทยนโยบายกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ

รวมไปถึงสนับสนุนการวิจัยและผลิตสินค้าเทคโนโลยี ส่งเสริมการท่องเที่ยว Entertainment complex รวมถึงลดภาษีนิติบุคคล และตามมาด้านการช่วยเหลือภาคประชาชน ได้แก่ ลดภาษีบุคคลธรรมดา สนับสนุนมาตรการแก้ปัญหาหนี้และให้ความสำคัญด้านการศึกษาร่วมด้วย