thansettakij
“โกลเบล็ก” ชี้เดือนก.พ. ตลาดหุ้นไทย Sideway Down ทรัมป์เพิ่มแรงกดดัน

“โกลเบล็ก” ชี้เดือนก.พ. ตลาดหุ้นไทย Sideway Down ทรัมป์เพิ่มแรงกดดัน

06 ก.พ. 2568 | 04:23 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.พ. 2568 | 04:23 น.

บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยเดือน ก.พ. แกว่งตัว Sideway Down จากแรงกดดันนโยบายทรัมป์ ลั่นเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหภาพยุโรป นักลงทุนติดตามรายงานผลการดำเนินงานงวดปี 67 ของบจ. วางกรอบดัชนี 1,250-1,320 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น 2 ธีมเด่นรับอานิสงส์ Easy-E receipt-ปันผลสูง

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ว่า ดัชนี SET Index แกว่งตัวในลักษณะ Sideway Down โดยมีแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยืนยันเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากับสหภาพยุโรป (EU) "อย่างแน่นอน" 

ตอกย้ำความไม่พอใจเกี่ยวกับการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับ EU รวมไปถึงการที่เขามองว่า EU นำเข้ารถยนต์และสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ น้อยเกินไป พร้อมทั้งเตือนไปยังประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ว่าอย่าคิดเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินอื่นแทนดอลลาร์สหรัฐ ถ้าไม่อยากถูกเก็บภาษีนำเข้า 100% และอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการควบคุมเพิ่มเติมในการขายชิปของอินวิเดีย (Nvidia) ให้กับจีน โดยระบุว่าการหารือยังอยู่ในขั้นต้น

ล่าสุดทางประเทศต่างๆ มีท่าทีว่าจะออกมาตรการเพื่อตอบโต้ โดยนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดาประกาศว่าจะตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯในอัตรา 25% ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องดื่มจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่เม็กซิโกประกาศว่าจะตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน ส่วนรัฐบาลจีนประกาศว่าจะยื่นคำร้องต่อ WTO เพื่อคัดค้านมาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ ซึ่งต้องจับตาใกล้ชิดว่าจะมีการลดหย่อนผ่อนปรนหรือไม่ อย่างไร

"นักลงทุนยังติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่าทาง สศค.จะมีการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ถึง 3.5% จากกรอบ 2.5 - 3.5% และมีค่ากลางเฉลี่ย 3% ได้รับปัจจัยบวกจากการบริโภคภาคเอกชน, การส่งออก, การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐและเอกชน"

วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS

ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2567 โต 2.5% ขณะที่ภาระหนี้สินของ SME ไตรมาส 4/2567 มีสัดส่วนทรงตัวที่ 65% ชี้ให้เห็นถึงปัญหากำลังซื้อต่ำและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน และการแข่งขันสูงกระทบผู้ประกอบการ ดังนั้นฝ่ายวิจัยคาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,250-1,320 จุด สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุนที่จับตาในประเทศ อาทิ

สัปดาห์ที่ 2

  • หอการค้าไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
  • สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน
  • ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

สัปดาห์ที่ 3

  • ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
  • ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
  • วันที่ 17 ก.พ. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 4/67
  • สัปดาห์ที่ 4
  • กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
  • สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
  • สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง
  • ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค
  • ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
  • วันที่ 26 ก.พ. กำหนดประชุม กนง. ครั้งที่ 1/2568
  • วันที่ 28 ก.พ. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าจับตา ได้แก่ สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อทั้ง 3 รายการได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งล้วนมีผลกับการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของภาครัฐ  เช่น หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ Easy-E receipt ได้แก่ CRC, COM7, ERW, CENTEL, MINT, M, AU, TNP, SIS, SYNEX, IP และ HL รวมทั้งหุ้นปันผลสูง ได้แก่ SCB, TISCO, LH, RATCH และ EGCO

กลยุทธ์ลงทุนหุ้น 2 ธีมเด่นรับอานิสงส์ Easy-E receipt-ปันผลสูง กลยุทธ์ลงทุนหุ้น 2 ธีมเด่นรับอานิสงส์ Easy-E receipt-ปันผลสูง

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาทองคำในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ว่า ราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากปัจจัยทางเทคนิค ขณะที่ความกังวลสงครามการค้าที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น หลังสหรัฐเริ่มใช้นโยบายการตั้งกำแพงภาษี ทำให้ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ประกอบกับประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ

นอกจากนี้ ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มชะลอลง หลังอิสราเอลและกลุ่มฮามาส สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา ทำให้ทองคำถูกลดความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย มองกรอบทองคำเดือนนี้ 2,700-2,850 ดอลลาร์/ออนซ์ (ounce : Oz) แนะนำขายทำกำไรที่แนวต้าน เนื่องจากปรับตัวขึ้น 4% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD)