นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 บริเวณตอนกลางของประเทศเมียนมาเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด แรงสั่นสะเทือนกระจายไปในหลายประเทศ รวมถึงไทย สร้างความเสียหายต่ออาคารจำนวนมาก
โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ นับเป็นความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งที่ไทยเคยเผชิญมา แน่นอนว่าตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ แม้จะไม่ได้เกิดความเสียหายในระดับอาคารถล่ม แต่การฟื้นตัวของตลาดฯ ยังขึ้นอยู่กับการกลับมาของความเชื่อมั่นผู้บริโภค
"มองว่าดหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมหดตัวลงอย่างชัดเจนโดยเฉพาะในช่วงระยะสั้น ต้องยอมรับว่าจากการแพนิคจากข่าวอาคารสูงสั่นไหว การสั่นคลอนของตึกสูง ส่งผลให้คนกลัวการพักอาศัยในคอนโดมากขึ้น ซึ่งก็มีผลกับการตัดสินใจซื้อหรือเช่าอยู่"
ดังนั้นแล้วจึงมองว่ามีโอกาสที่กลุ่มที่มีแผนจะโอนกรรมสิทธิ์ หรือมีแผนจะซื้อคอนโดมิเนียม มีแนวโน้มจะชะลอการโอนหรือการตัดสินใจซื้อออกไป เนื่องจากยังต้องการความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย รวมถึงการซ่อมแซมความเสียหายเชิงสถาปัตยกรรมของห้องพัก พื้นที่ส่วนกลาง และตัวอาคาร ก่อนการตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์หรือซื้อ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวราคาหุ้นกลุ่มอสังการิมทรัพย์ปรับตัวลดลงยกกลุ่ม แต่เป็นเพียงในระยะสั้นๆ เพราะมองว่ากลุ่มผู้ประกอบการต้องเร่งสำรวจโครงสร้างของตัวอาคาร และซ่อมแซม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้อยู่อาศัยและผู้ลงทุน
อีกทั้งตามทฤษฎีแล้ว โครงสร้างของอาคารสูงโดยเฉพาะคอนโดสามารถรับแรงแกว่งจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้อยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับความถี่ของแรงสั่นสะเทือนด้วย ว่าครั้งที่เกิดนั้นมีความถี่ที่สั้นหรือยาว การโยกไหวของตัวอาคารแต่ละแห่งก็จะไม่เท่ากัน และผลกระทบกับโครงสร้าง Low rise และ High rise ก็จะแตกต่างกัน
โดยส่วนตัวมองว่าหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ในปี 2568 ยังไม่ได้เป็นที่น่าลงทุนมากนั้น แม้ว่าราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงจนเรียกได้ว่าถูกแล้ว อีกทั้งยังมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้นจากเฉลี่ย 2-3% เป็น 5% แต่แรงจูงใจในการลงทุนยังไม่เพียงพอ
หลักๆ เป็นเพราะภาพรวมของเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นนัก กำลังซื้อยังไม่กลับมา แม้ภาครัฐฯ จะปลดล็อกมาตรการ LTV ไปแล้ว แต่แบงก์ก็ยังไม่กล้าปล่อยสินเชื่ออย่างเต็มที่นัก ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อยังคงอยู่ในระดับที่สูงต่อไป ดังนั้นแล้วจะเก็นได้ว่ายังคงมีซัพพรายที่ค้างอยู่ในตลาดอีกเยอะ
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาการปรับแผนกลยุทธ์ของผู้ประกอบการในช่วงที่เหลือของปีที่อาจชะลอการเปิดโครงการใหม่ รวมถึงทำการตลาดแข่งขันชูจุดขายด้านความปลอดภัยในการอยู่อาศัยมากขึ้น เช่น ความน่าเชื่อถือของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มาตรการรับมือภัยพิบัติ การตอบสนองความต้องการหรือให้ความช่วยเหลือลูกบ้านได้ทันท่วงที
"จากนี้ไปคงต้องใช้เวลากว่าที่ความเชื่อมั่นในการซื้อที่พักอาศัยประเภทคอนโดจะฟื้นกลับคืนมา เพราะคนแพนิคจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด แม้ว่าอาคารจะไม่ได้ถล่มลงมา แต่ก็มีความเสียหายจะการปริแตกของกำแพง การเกิดรอยร้าว ทำให้คนที่หากว่าไม่ติดเรื่องราคาหรือทำเลมากนัก ก็จะหันหน้าไปซื้อที่พักอาศัยประเภทแนวราบกันมากขึ้น"